See you again Next Year / 1,405-1,415
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET ขึ้นต่อด้วยวอลุ่มการซื้อขายยังคงเบาบาง: ทางฝ่ายมองปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยวันนี้จะเบาบางต่อเนื่องด้วยเป็นวันซื้อขายสุดท้ายของปี 2566 ขณะที่ปัจจัยบวกที่จะหนุนให้ดัชนีฟื้นตัวต่อได้นั้นมีมาก ได้แก่ 1) Sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นฝั่งยุโรป และสหรัฐโดยดัชนีดาวโจนส์ทดสอบระดับ All time High แรงหนุนจาก Fed Watchtool มองโอกาส 72.6% ว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยตั้งแต่รอบประชุมเดือนมี.ค.67 ทำให้เป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทจดทะเบียนจากแรงกดดันด้านต้นทุนการเงินลดลง นอกจากนี้ปัจจัยดังกล่าว ยังส่งผลให้ 2) Dollar Index ร่วงลงทดสอบระดับ 100 จุด เป็นเหตุให้ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าทดสอบ 34.2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือน เป็นแรงดึงดูดต่อ Fund-flow และทําให้ตลาดหุ้นไทยน่าสนใจมากขึ้น 3) มองหุ้น Big Cap จะเป็นแรงหนุนพยุงดัชนี ด้วยการเข้าชื่อจากทั้งกองทุน TESG กอปรกับมีแรงเก็งกำไรจากหุ้นที่จะเข้าคำนวนดัชนี SET50, SET100 รอบ ม.ค.-มิ.ย.67 นี้ นอกจากนี้ 4) ทางฝ่ายยังมองบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว-จับจ่ายใช้สอยที่จะได้ประโยชน์จากแรงเก็งกำไรจากฤดูกาล High Season รวมถึงได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐที่ส่งเสริมต่างๆ ทั้ง 4 DAYS 4 GIFTS, Easy E-Receipt ส่วนภาคอสังหาฯ ได้ประโยชน์จากนโยบายลดค่าธรรมเนียม และผ่อนปรนเกณฑ์ LTV และ 5) แนะนำให้สะสมหุ้นที่คาดว่างบ 4Q66 และ Y2023 เชิงบวก หรือหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ จาก January Effect อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบยังมีจากหุ้นกลุ่มน้ำมันที่อาจปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน WTI ที่ปิดลบ 2% ทดสอบระดับ 74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังบริษัท Maersk และ Hapag Lloyd ประกาศจะกลับมาเดินเรืออีกครั้ง หลังชาติพันธมิตรทั้ง 10 ประกาศได้เปิด ปฏิบัติการป้องกันเส้นทางเดินเรือจากกลุ่มฮูตี
- กลยุทธ์การลงทุน: 1) ท่องเที่ยว+Spending: BA, BTG, CENTEL, CPALL, CPF, CPN, CRC, ERW, ILM, LH, MINT 2) TESG และ SET50/100: BBL, BCH, BDMS, ICHI, ITC, MOSHI, SAPPE, SCB 3) บาทแข็งค่า: COM7, GPSC, SYNEX และ 5) ย้ายฐาน: AMATA, PIN, WHA
ปัจจัยบวก
- โตโยต้าเผยยอดขายรถยนต์ทั่วโลกเดือน พ.ย. 9.05 แสนคัน (+13.6%y-y) ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์รถยนต์ฝั่งอเมริกาเหนือ, จีน และยุโรป จากปัญหาขาดแคลนชิปที่คลี่คลาย
- NBS จีนเผยกำไรบริษัทในภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. +29.5%y-y เพิ่มขึ้น 4 เดือนซ้อน พร้อมกับคาดการณ์ว่าปีนี้จีนมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทาง ศก.ที่ระดับ 5% จากมาตการกระตุ้นภาครัฐที่ มุ่งเน้นส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังโควิด 19
- นายกฯ สั่งการในที่ประชุมยุทรศาสตร์ชาติ 2/66 ให้ทบทวนปรับปรุงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีอาจนานไป เนื่องจากแผน 5 ปียังไม่ทันต่อบริบทโลกที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เช่น AI, Cloud Computing, พลังงานสะอาด ซึ่งจะช่วยส่งผลดีต่อการเคลื่อนย้ายแรงงาน, และเป็นประโยชน์สูงสุด โดยมีความยั่งยืนต่อการพัฒนาประเทศ
ปัจจัยลบ
- บริษัท Rosetec ในกลุ่มกลาโหมรัสเซียเผยว่ารัสเซียจะส่งปืนใหญ่รุ่นใหม่ประจําการเขตทหารตอนเหนือที่มีพรมแดนติดกับฟินแลนด์และนอร์เวย์
- รองนายกฯ และ รมต.ก.พลังงาน ส่งหนังสือยัง กกพ. ขอให้ตรวจสอบการจัดหาราคาก๊าซธรรมชาติของ ปตท. ในช่วงอื่นว่าไม่สามารถส่งมอบก๊าซได้ตามเงื่อนไขสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ นอกเหนือจากช่วง ต.ค.63-ธ.ค.65 มูลค่า 4.3 พันลบ. หรือไม่ หากพบมีมูลจะมีโอกาสนำเงินจากการชอร์ตฟอลมาอุ้มค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย. 67 ให้ต่ำกว่าระดับ 4.2 บาทต่อหน่วย
PICKS OF THE DAY
BTG BUY
- เป้าหมาย 25.00/26.00 แนวรับ 23.50
- อนุมัตินำเข้ากากถั่วเหลือต่อไปอีก 1 ปี: ครม. อนุมัตินำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกากถั่วเหลือง ต่อไปอีก 1 ปี เป็นประโยชน์ต่อผู้เลี้ยงสัตว์รายใหญ่ที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบในปริมาณที่เยอะ และปีหน้าคาดว่าปริมาณถั่วเหลืองออกสู่ตลาดมากสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง ก.พ.67 เป็นฤดูเก็บเกี่ยวของบราซิล จะทำให้ต้นทุนเลี้ยงสัตว์ปรับตัวลงได้มากกว่านี้
- ราคาสุกรยังขึ้นได้ต่อเนื่อง: ปัจจุบันราคาสุกรราว 68-74 บาท/กก. ฟื้นตัวขึ้นมาจาก ต.ค. ที่ 56-66 บาท/กก. และคาดว่าราคาสุกรในไทยจะฟื้นตัวได้ไปจนถึง 1Q67 มอง BTG ได้ประโยชน์มากสุดมีสัดส่วนรายได้ในไทยกว่า 90% เยอะที่สุดในกลุ่มผู้ผลิตอาหารรายใหญ่
CENTEL BUY
- เป้าหมาย 45.00/46.50 แนวรับ 42.00/43.00
- คาดกำไรงวด 4Q66 จะยังเติบโตทั้งแบบ q-q และ y-y: แรงหนุนจาก คาดจำนวนการเข้าพักของกลุ่มธุรกิจโรงแรม และธุรกิจร้านอาหารมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ตามการเข้าสู่ High Season ช่วง 4Q66 ถึงช่วง 1Q67 นอก เหนือไปจากรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นจากการเปิดโรงแรมใหม่ในโอซาก้าเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา สำหรับกำไรงวด 9M66 อยู่ที่ 823 ล้านบาท พลิกจาก 9M65 ที่ขาดทุน 100 ล้านบาท
- นักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่จีนเติบโต: โดย ก.ท่องเที่ยวฯ เผย 1 ม.ค. – 24 ธ.ค. 66 นักท่องเที่ยวเข้าไทยแล้วกว่า 27.2 ล้านคน ซึ่งมาจากมาเลเซีย 4.4 ล้านคน (+122% เทียบ Pre-Covid) รวมทั้งความหวังจาก นทท. Middle East ที่เริ่มสนใจเที่ยวไทยอย่างซาอุฯ (+550%เทียบ Pre-Covid)