สัปดาห์นี้รอติดตามตัวเลขแรงงานสหรัฐฯ เพื่อดูทิศทางดอกเบี้ย

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบเล็กน้อย (-0.05%) นักลงทุนขายทำกำไรเล็กน้อยหลังจากตลาดหุ้นปรับขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้า ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบเล็กน้อย 0.14% รับแรงกดดันเล็กน้อยจาดคาดการณ์ว่าอุปสงค์จะชะลอตัว

Market Outlook

สัปดาห์แรกของปี 2024 ปัจจัยยังคงเป็นเรื่องของการดำเนินนโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขแรงงานสหรัฐฯในสัปดาห์นี้แบ่งออกได้ดังนี้ (1) ตำแหน่งเปิดรับสมัครงานในวันพุธ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 8.8 ล้านตำแหน่ง และในวันเดียวกันก็จะมีการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคผลิต Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 47.2 (2) ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.15 แสนราย (3) การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.68 แสนราย และ 3.8% ตามลำดับ ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯทั้งอายุ 2,10 ปีปรับลงต่อเนื่อง สะท้อนว่านักลงทุนกำลังอยู่ในภาวะผ่อนคลายกับทิศทางดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ ดังนั้นตัวเลขที่จะรายงานหากบ่งชี้ในทางอ่อนแอต่อภาวะเศรษฐกิจ คาดว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวกมากกว่า ข้อมูลล่าสุดจาก CME FED Watch ให้น้ำหนักราว 83.5% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมและอีก 16.5% ให้น้ำหนักปรับลดดอกเบี้ย 0.25% และการประชุมเดือน มี.ค. ให้น้ำหนัก 73% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% และอีก 14% ให้น้ำหนักปรับลดดอกเบี้ย 0.50% อย่างไรก็ตามข้อมูลในอดีตชี้ว่าการปรับลดดอกเบี้ยจะตามมาด้วยการปรับฐานของตลาดหุ้นจากการอ่อนแอของภาวะเศรษฐกิจปีนี้ ปัจจัยสำคัญนอกเหนือจากเรื่องของดอกเบี้ยคือภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯที่จะเป็นเพียง Soft Landing หรือ Hard Landing หากถึงขั้นถดถอยหนักจะสร้างแรงกดดันอย่างมากกับตลาดหุ้น ปัจจุบันเริ่มพบบางสัญญาณที่ชี้ไปในทิศทางนั้น อาทิ การเกิดอาการผิดปกติของเส้นผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Inverted Yield Curve) ภาคผลิตสหรัฐฯ (ISM PMI) ที่ปรับลงต่อเนื่อง และ 2 ครั้งล่าสุดของการปรับลดดอกเบี้ยเกิดการถดถอยหนักของเศรษฐกิจสหรัฐฯ (ไม่รวม COVID-19) และ Valuation หุ้นสหรัฐฯก็อยู่ใน จุดที่ไม่ได้ถูกมากนัก

สัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1400 – 1440 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะทยอยสะสมได้เช่นเดิม แต่เริ่มเน้นพิจารณามากขึ้นเพราะดัชนีที่ปรับขึ้นมาเน้นที่ยัง Laggard อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) การเงิน (SAWAD TIDLOR) ศูนย์การค้า (CPN) อสังหาฯ (AP SPALI) ส่งออก (TU) ส่วน Trading ระยะสั้นเลือกโรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF) สื่อสาร (ADVANC)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

TIDLOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท)

คาดว่ากำไรจะโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/23 พร้อมกับคุณภาพสินเชื่อที่ยืดหยุ่นดีในครึ่งหลังปี 2023 ซึ่งจะเอื้อให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญในปี 2024-25 ลงได้ ขณะที่คาดว่ากำไรจะโต 6.6% YoY สำหรับทั้งปี 2023 และโตอย่างมั่นคงในระดับ 21.7%/21.1% ในช่วงปี 2024-25 หนุนจาก NII และเบี้ยประกันที่สูงขึ้น บวกกับค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลง

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท)

คาดว่ากำไรไตรมาส 4/23 จะโตต่อเนื่อง YoY และ QoQ จาก SSSG ที่แข็งแกร่ง อัตรากำไรธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ที่ดี และการขาดหายไปของค่าตอบแทนพนักงานพิเศษที่เกิดขึ้นปีก่อน ปัจจัยบวกสำคัญคือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐผ่านนโยบายเงินดิจิทัล 5 แสนล้านบาท

- Advertisement -