KS Daily View 02.01.2024 >>> ลุ้น January Effect จากเม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้า จากอ่อนค่าของ USD คาด SET ปรับขึ้นในกรอบ 1,410-1,420 จุด หุ้นแนะนำ SCB, GPSC

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA -0.05%, S&P 500 -0.28%, NASDAQ -0.56%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Consumer Staples (+0.16%), Health Care (+0.03%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Real Estate (-1.17%), Consumer Discretionary (-0.63%), Communication Services (-0.50%) เป็นต้น

ในประเทศเมื่อวันจันทร์: SET Index +5.42 จุด หรือ +0.38% ปิดที่ 1,415.85 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ STA (+5.92%), AEONTS (+4.58%), AURA (+4.05%), STGT (+3.88%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ DELTA (-3.56%), THG (-1.81%), RCL (-1.22%), CBG (-1.20%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

คาดดัชนีแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,410-1,420 จุด ลุ้น January Effect จากเม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้าบนการอ่อนค่าของ USD การปรับพอร์ทการลงทุนในช่วงต้นปีของกองทุน ETF ที่มีโอกาสเห็นการโยกเงินออกจากตลาด Money market เข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจาก Real bond yield ที่ลดลง และ Earnings yield gap ระหว่างหุ้นกับ bond ที่กว้างขึ้นบนจากตลาดยังคงมุมมอง Soft Landing ในปีนี้

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง 7.6 แมกนิจูดที่จังหวัดอิชิคาวะ ทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น มีการประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิเป็นวงกว้างเมื่อวานนี้ มีผู้เสียชีวิต 4 รายจากเหตุดังกล่าว และครัวเรือนกว่า 32,000 หลังจะไม่มีไฟฟ้าใช้จากโรงไฟฟ้าที่เสียหาย แต่ยังไม่มีความผิดปกติกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในพื้นที่

2.) ติดตามทิศทางค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ หลัง Maersk ประกาศระงับการเดินเรือผ่านทะเลแดงเป็นเวลา 48 ชั่วโมง จากเหตุปะทะกันระหว่างทัพเรือสหรัฐฯ และกลุ่มฮูตีบานปลาย หลังกลุ่มฮูตีโจมตีเรือคอนเทนเนอร์ของ Maersk ในทะเลแดง ทำให้กองทัพเรือสหรัฐฯได้จมเรือ 3 ลำของกลุ่มฮูตี ทั้งนี้สัปดาห์ล่าสุดดัชนีค่าระวางเรือ Shanghai Containerized Freight index ได้ปรับตัวขึ้นกว่า 40% WoW เป็น 1,759.57 จุด แม้อาจมีแรงเก็งกำไรในกลุ่มเรือคอนเทนเนอร์ โดยเฉพาะ RCL แต่มองเป็นโอกาสขายทำกำไรมากกว่าจากภาพใหญ่ที่ Supply เรือจะเพิ่มมากในปี 2567

3.) ติดตามการฟื้นตัวของยอดส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของไทย หลังล่าสุดเกาหลีใต้รายงานตัวเลขส่งออก semiconductors เติบโต 21.8% YoY ในเดือน ธ.ค. และขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองติดต่อกันจากที่หดตัวตั้งแต่เดือน ส.ค. 2022 หนุนจากการฟื้นตัวของราคา memory-chip จากความต้องการในอุตสาหกรรม AI และเทคโนโลยีใหม่ๆ

4.) จีนรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือน ธ.ค. ที่ 49 จุด ต่ำกว่าคาด และต่ำสุดนับแต่เดือน มิ.ย.2023 ขณะที่ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของบริษัทอสังหาฯ 100 รายที่ใหญ่สุดในประเทศจีนหดตัวถึง -34.6% YoY ในเดือน ธ.ค. เป็น US$64bn เทียบเดือนก่อนหน้าที่ -29.6% YoY แม้ล่าสุดรัฐบาลจีนจะผ่อนคลายกฎการซื้อบ้านในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ รวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบสถาบันการเงินในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลัง ปธน.สีจิ้นผิงได้กล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันสิ้นปี 2023 ว่าจะพยายามเร่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน รวมถึงคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวจีน โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจีนจะตั้งเป้าการเติบโตปี 2024 ที่ 5% ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างท้าทายมาก

5.) ติดตามประเด็นที่ ส.อ.ท. ขอ รมว.พลังงาน ให้ปรับขึ้นราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น หลังกลุ่มโรงกลั่นทุ่มงบลงทุนกว่า 5 หมื่น ลบ. ปรับปรุงมาตรฐานน้ำมัน ยูโร 5 โดยปรับลดกำมะถันจากไม่สูงกว่า 50 เป็นไม่สูงกว่า 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม โดยให้มีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2567 เพื่อลด PM2.5

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,390-1,440 จุด ในสัปดาห์นี้ โดยมีปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของ USD รวมถึง Bond yield ที่ลดลง หนุน Funds flow ไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นไทยยัง laggard ดัชนี MSCI ACWI มากกว่า 30% YTD และนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ underweight หุ้นไทยโดยขายสุทธิ 1.96 แสนลบ. ในปีนี้ จากปี 2565 ที่ซื้อสุทธิ 2.0 แสนลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิตราสารหนี้ 8.3 พันลบ. ในปี 2566 จากปีก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิ 2.1 แสนลบ. สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อของไทย, ประเด็น พรบ.กู้เงิน 5 แสนลบ., เงินเฟ้อยุโรป, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ, อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ และค่าจ้างรายชั่วโมง

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • SCB (ราคาพื้นฐาน 108 บาท) กำไรไตรมาส 4/2566 โตเด่นสุดในกลุ่มธนาคารที่ +33% YoY จาก NIM ปรับตัวขึ้นต่อ และคาด credit cost จะปรับตัวลดลง และคาด Dividend yield ปี 2567 จะอยู่ที่ระดับ 6%
  • GPSC (ราคาพื้นฐาน 53 บาท) คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 4/2566 จากแนวโน้มการปรับตัวลงของราคาพลังงานในปี 2567 โดยเฉพาะสัดส่วนการใช้ก๊าซในประเทศที่มีต้นทุนถูกลงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้ sentiment บวกจากการแข็งค่าของเงินบาท และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิต Caixin ของจีนสำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 50.4 จุด เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่ 50.7 จุด ต่อด้วยตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตของยุโรปสำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 44.2 จุด เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่ 44.2 จุด และตัวเลข S&P Global Manufacturing PMI ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด 48.2 จุด ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 49.4 จุด
  • วันพุธ ติดตาม ตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิต ISM ของสหรัฐฯสำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 47.1 จุด เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่ 46.7 จุด ต่อด้วยตัวเลขจำนวนงานเปิดหารับพนักงาน (JOLTS Job openings) ของสหรัฐฯสำหรับเดือนพ.ย. ตลาดคาดที่ 8.8 ล้านตำแหน่ง เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่ 8.73 ล้านตำแหน่ง และช่วงข้ามคืนติดตามบันทึกการประชุม FOMC meeting minutes
  • วันพฤหัสบดีฯ ติดตาม อัตราเงินเฟ้อเยอรมัน เดือน ธ.ค. คาด 3.4% YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.2% ตัวเลข HCOB Services PMI ของยูโรโซน เดือน ธ.ค. คาด 48.1 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 48.7 จุด ตัวเลข ADP Employment ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด 100K ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 103K ตัวเลข Initial Jobless Claim รายสัปดาห์ ตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ และตัวเลข S&P Global Services PMI ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด 51.3 จุด
  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Consumer Price Index – CPI) ของไทยสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ -0.3% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.44% YoY และตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของไทยสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ 0.58% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.4% YoY ต่อด้วยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ (Nonfarm payrolls) สำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ 1.58 แสนตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.99 แสนตำแหน่ง ตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ (Unemployment rate) สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 3.8% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.7% และตัวเลขค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยรายชั่วโมงของสหรัฐฯ (Average hourly earnings) ตลาดคาดที่ 3.9% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.0% YoY
- Advertisement -