บล.บัวหลวง:
Khon Kaen Sugar Industry (KSL TB / KSL.BK)
KSL – สูงกว่าคาด; มุมมองต่อราคาน้ำตาลโลกในปี 2567 ที่ลดลงจากเดิม
มากกว่าที่เราคาดก่อนหน้า
KSL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 (1 ส.ค.-31 ต.ค. 66) ที่ 113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103% YoY และเพิ่มขึ้น QoQ ถ้าเทียบกับขาดทุนสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 165 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 4/66 ซึ่งได้แก่ กำไรจาก อัตราแลกเปลี่ยน 12 ล้านบาท กำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 26 ล้านบาท กำไรจากการขายบริษัทย่อยของบ มจ. ไทยซูการ์ เทอร์มินัล 11 ล้านบาท ขาดทุนจากการตั้งด้อยค่าเงินลงทุนใน BBGI 196 ล้านบาท และกำไรจากการตัดจำหน่ายและขายสินทรัพย์ 24 ล้านบาท ในไตรมาสนี้กำไรหลักอยู่ที่ 236 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนหลักที่ 13 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 และขาดทุนหลักที่ 270 ล้านบาทในไตรมาส 3/66 ผลประกอบบรรทัดสุดท้ายและผลประกอบหลักออกมาสูงกว่าที่เราคาด ก่อนหน้า (ซึ่งเราคาดก่อนหน้าเป็นขาดทุนสุทธิและขาดทุนหลักที่ 201 ล้านบาท) เนื่องจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคาด และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ต่ำกว่าคาด ยอดขายสูงกว่าที่เราคาด 44% เนื่องจากราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยที่สูงกว่าคาด อัตรากำไรขั้นต้นที่ 14.8% ถือว่าสูงกว่าที่เราคาดที่ 9.5% อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการกลับรายการไปเป็นกำไรจากการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยง ต้นทุนค่าอ้อยที่ต่ำกว่าคาด และราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยที่สูงกว่าคาด
ประเด็นสำคัญของผลประกอบการ
ผลประกอบการหลักที่เพิ่มขึ้น YOY เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงอย่างมาก (จากต้นทุนค่าขนส่ง ต้นทุนเงินเดือน และผลประโยชน์พนักงานที่ลดลง) วอลุ่มขายน้ำตาลสำหรับประเทศไทยของ KSL ในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 1.38 แสนตัน เพิ่มขึ้น 16% YoY ซึ่งวอลุ่มน้ำตาลส่งออกในไตรมาสนี้อยู่ที่ 9.8 หมื่นตัน เพิ่มขึ้น 10% YoY วอลุ่มขายน้ำตาลรวมของ KSL (ซึ่งรวมวอลุ่มขายน้ำตาลในต่างประเทศ) ในไตรมาลนี้อยู่ที่ 1.42 แสนตัน เพิ่มขึ้น 8% YoY ราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยสำหรับประเทศไทยในไตรมาสนี้ของ KSL อยู่ที่ 21,560บาท/ต้น เพิ่มขึ้น 11% YoY (เนื่องจากราคาขายในประเทศและราคาส่งออก น้ำตาลขาวหรือขาวบริสุทธิ์ที่เพิ่มขึ้น) ยอดขายธุรกิจน้ำตาลและกากน้ำตาลในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 28% YoY ในขณะที่ยอดขายธุรกิจไฟฟ้าในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 41% YoY กำไรขั้นต้นของธุรกิจน้ำตาลและกากน้ำตาลในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 18% YoY ในขณะที่ธุรกิจไฟฟ้ารายงานขาดทุนขั้นต้นเพิ่มขึ้น 44% YoY
แนวโน้ม
ราคาน้ำตาลโลกมีความผันผวนสูงมากในเดือนธ.ค. 2566 โดยแตะจุดสูงสุดเมื่อเร็วๆ นี้ที่ 27.95 เซนต์/ปอนด์ในวันที่ 6 พ.ย. ก่อนที่จะอ่อนตัวลงไปอยู่ที่ 26.04 เซนต์/ปอนด์ในวันที่ 30 พ.ย. และปรับตัวลงแรงเหลือ 20.58 เซนต์/ปอนด์ในวันที่ 29 ธ.ค. (หรือปรับตัวลดลงมากถึง 21% ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา) ราคาน้ำตาลโลกที่ปรับตัวลงแรงเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลอินเดียได้ประกาศเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 ว่าห้ามนำเอาน้ำเชื่อมอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอล ซึ่งให้มีผลบังคับใช้ทันทีสำหรับในปีการผลิต 2566/67 ส่งผลให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำตาลของประเทศอินเดียมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก 2-3 ล้านต้นภายในปีหน้า เนื่องจากมาตรการดังกล่าว วัตถุประสงค์หลักของมาตรการนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปทานน้ำตาลของประเทศอินเดียมีเพียงพอสำหรับการบริโภคในประเทศอินเดีย ถึงแม้ว่าศูนย์วิจัยสินค้าโภคภัณฑ์หลายแห่งยังคงคาดการณ์ประมาณการขาดดุลน้ำตาลโลกสำหรับทั้งในปี 2566/67และในปี 2567/68 แต่เรามองว่าแนวโน้มที่ราคาน้ำตาลโลกจะทะลุ 30 เซนต์/ปอนด์สำหรับในปี 2567 ดูแล้วเป็นไปได้ยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสภาพอากาศมีแนวโน้มที่จะพลิกกลับจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ไปเป็นปรากฏการณ์ภาวะอากาศที่เป็นกลางในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 เราปรับลดการคาดการณ์ราคาน้ำตาลโลกและราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยของ KSL สำหรับในปี 2567 ลงจากเดิม และสำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/67 เราคาดกำไรหลักที่ 350 ล้านบาท ลดลง 38% YoY (เนื่องจากฐานกำไรหลักที่สูงมากในไตรมาส 1/66) แต่เพิ่มขึ้น 48% QoQ (เนื่องจากราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
เนื่องจากราคาน้ำตาลโลกที่ปรับตัวลดลงแรงเมื่อเร็วๆ นี้ และสมมติฐานประมาณการราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยสำหรับในปี 2567 ของเราที่ปรับลดลงจากเดิม ส่งผลให้เราทำการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567ลงอีก 22% (เหลือ 1.04 พันล้านบาท) เราปรับลดราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2567 ลงอีก 22% เหลือ 3.57 บาท
คำแนะนำ
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่จะยังคงแรงอยู่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะหนุนและผลักดันราคาน้ำตาลโลกให้กลับขึ้นไปอยู่ในกรอบราคาสูงอีกครั้งสำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี 2567