บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Major Cineplex Group (MAJOR)
แนวโน้ม 4Q66 โดดเด่น ภาพยนตร์ไทยรายได้ทะลุเป้า
- Action BUY (Maintain)
- TP upside (downside) +37.5%
- Close Jan 2, 2024
- Price (THB) 15.20 12M Target (THB) 20.90
- Previous Target (THB) 20.90
What’s new?
- คาดผลประกอบการ 4Q66 ฟื้นตัวเด่น QoQ, YoY ภาพยนตร์ไทยทำรายได้ดีเกินคาด อาทิสัปเหร่อ ธี่หยด และ 4KING
- ปี 2567 มองยังฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ภาพยนตร์จากฮอลลีวูดฟอร์มใหญ่ และภาพยนต์ไทยเข้าฉายมากขึ้น รวมถึงแผนจับมือ BEC และ Workpoint สร้างภาพยนตร์
- คาดว่าบริษัทจะบันทึก Defer Tax 140 ล้านบาท ใน 4Q66 หรือ 1Q67
Our view
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” เราคาดกำไร 4Q66 ฟื้นตัวเด่น QoQ,YoY และเติบโตดีต่อเนื่องในปี 2567
- ราคาหุ้นปรับลดลงมาเรามองเป็นจังหวะในเข้าลงทุน เราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2567 ที่ 20.90 บาท โดยอิงวิธี DCF สมมติฐาน WACC ที่ 7.9% Terminal growth 1%
4Q66 คาดเติบโตเด่น QoQ ,YoY ได้แรงหนุนภาพยนตร์ไทย
คาดผลประกอบการใน 4Q66 จะเติบโตเด่นทั้ง QoQ และ YoY ซึ่งภาพยนตร์ไทยฟอร์มดี ทำรายได้ได้ดีกว่าฝั่งฮอลลีวูด ได้แก่ สัปเหร่อ ทำเงินได้ 720 ล้านบาท , ธี่หยดทำรายได้ราว 484 ล้านบาท และ 4 King ภาค 2 ทำรายได้ราว 200 ล้านบาท ข้อมูลล่าสุดจากบริษัทรายได้ 2 เดือน (ต.ค.-พ.ย) รายได้จากภาพยนตร์เติบโต 35-40% YoY ส่วนธุรกิจขายอาหารและป๊อปคอร์น คาดเติบโตดีตามรายได้ภาพยนตร์เมื่อคนกลับมาดูมากขึ้น และรับผลบวกจากการกลับเข้าไปขายใน 7-Eleven ส่วนรายได้จากโฆษณาคาด ฟื้นตัวดีจากฐานที่ต่ำปีก่อน เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 766 ล้านบาท +198% YoY
ปี 2567 แนวโน้มยังดีต่อ ปรับกลยุทธ์เพิ่มช่องทางรายได้อื่นกระจายรายได้
เราคาดผลประกอบการปี 2567 เติบโตต่อเนื่อง 18%YoY เป็น 905 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ภาพยนตร์จากฮอลลีวูดฟอร์มใหญ่เข้ามากขึ้น และหนังไทยซึ่งถือว่าได้รับความนิยมมากขึ้น จะเข้าฉายมากกว่า 16 เรื่อง นอกจากนี้บริษัทมีแผนเพิ่มจำนวนโรงภาพยนตร์ราว 50 โรง และยังมีแผนในการสร้างภาพยนตร์ร่วมกับ BEC และ Workpoint ต่อเนื่อง 2) ธุรกิจจำหน่ายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม นอกจากจะเติบโตตามธุรกิจภาพยนตร์ บริษัทมีการจับมือกับ TKN ขยายช่องทางจำหน่ายป๊อปคอร์นไปยังเซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยปี 2567 คาดจะวางขายเซเว่น อีเลฟเว่นได้กว่า 25,000 สาขา โดยบริษัทวางกลยุทธ์ระยะยาวจะเพิ่มรายได้จากธุรกิจป๊อปคอร์นรวมอาหารและเครื่องดื่มจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากปัจจุบันที่ 27% (อิงงวด 9M66) เป็น 45-500% ใกล้เคียงธุรกิจภาพยนตร์ 3) ธุรกิจโฆษณาเริ่มฟื้นตัวดีตั้งแต่ปลายปี 2566 และบริษัทมีการปรับเรทและลดการให้ส่วนลดลงจะช่วยให้อัตรามาร์จิ้นดีขึ้น
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาปรับลงมา สวนทางผลประกอบการที่ฟื้นตัว
เรามองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวโดดเด่นใน 4Q66 จากฐานที่ต่ำ และภาพยนตร์ไทยที่กลับมาคึกคักขณะที่ปี 2567 ยังเติบโตต่อเนื่องตามอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ เริ่มเห็น synergy จากการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการขยายธุรกิจ อาทิ การจับมือกับ TKN ผลิตป๊อปคอร์น นอกจากนี้ยังร่วมกับ BEC และ Workpoint ในการสร้างภาพยนตร์ เป็นต้น เราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2567 ที่ 20.90 บาท โดยอิงวิธี DCF สมมติฐาน WACC ที่ 7.9% Terminal growth 2% ซึ่งยังมีupside 37.5% จากราคาปัจจุบัน และคาดผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจ บริษัทประกาศจ่ายปันผลงวด 1H66 ไปแล้ว 0.50 บาทต่อหุ้น ขณะที่ 2H66 เราคาดที่ 0.49 บาท ทั้งปีคาด Yield ปันผลที่ 6.5% จากราคาปัจจุบัน
มีประเด็นบวกที่เราไม่ได้นับรวมในประมาณการ 1) บริษัทมี defer Tax ที่คาดว่าจะใช้ใน 4Q66 หรือ 1Q67 จำนวน 140 ล้านบาท ยังไม่ได้สรุปจะใช้ไตรมาสไหน 2) หลังจากบริษัทมีการซื้อหุ้นคืนต่อเนื่อง หนึ่งในทางเลือกที่จะเสนอต่อผู้ถือหุ้นครั้งต่อไปคือการลดทุนจดทะเบียน