KS Daily View 04.01.2024 >>> FOMC minutes กดดันตลาด หลังเฟดไม่ชัดเจนลดดอกเบี้ย คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,420-1,440 จุด หุ้นแนะนำ PTTEP, COM7
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันก่อน
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.76%, S&P 500 -0.80%, NASDAQ -1.18%โดย Sector ที่outperform ใน S&P500 ได้แก่ Energy (+1.52%), Utilities (+0.39%), Communication Services (+0.11%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Real Estate (-2.35%), Consumer Discretionary (-1.88%), Industrials (-1.51%) เป็นต้น
ในประเทศ: SET Index -3.76 จุด หรือ -0.26% ปิดที่ 1,429.62จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ AWC (+5.49%), TIDLOR (+3.46%), SIRI (+3.35%), TLI (+3.21%)เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ DOHOME (-4.92%), BCP (-3.61%), PTTEP (-3.31%), AMATA (-3.30%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ1,420-1,440 จุด FOMC minutes (จากการประชุมวันที่12-13 ธ.ค. 2566) กดดันตลาด หลังเฟดไม่ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะลดดอกเบี้ยเมื่อใดและมากเพียงใด ส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกต่างปรับตัวลงคืนก่อน ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงยกแผงนำโดยNasdaq ปรับตัวลง 1.18% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงกว่า 1% เป็นวันที่สองติดต่อกัน ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3สัปดาห์ อย่างไรก็ตามคาด SET วันนี้ได้รับแรงหนุนจากหุ้นพลังงานหลังราคาน้ำมัน WTI +3% ในวันพุธรับข่าวลิเบียปิดบ่อน้ำมัน-ความตึงเครียดตะวันออกกลาง
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) คณะกรรมการเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่12-13 ธ.ค. 2566 โดยระบุว่า กรรมการเฟดมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อของสหรัฐอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้และความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะกลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกนั้นเริ่มมีน้อยลง ขณะเดียวกันกรรมการเฟดมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่เฟดดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินมากเกินไป รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดคาดการณ์ว่าอาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าการปรับลดดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นเมื่อใด (ตลาดคาดเริ่มปรับลดครั้งแรก มี.ค. นี้)
2.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะ4% คืนก่อน หลังนายโทมัส บาร์กิน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขาริชมอนด์ ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยนายบาร์กินกล่าวว่า เฟดยังคงมีทางเลือกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้มีความคืบหน้าในการชะลอเงินเฟ้อ นายบาร์กินระบุว่า ยังคงมีความเสี่ยงที่ว่าภารกิจของเฟดในการสกัดเงินเฟ้ออาจจะยังไม่สิ้นสุดลง “อัตราดอกเบี้ยระยะยาวได้ปรับตัวลงในระยะนี้ และจะกระตุ้นอุปสงค์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย โดยอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่สูงกว่าเป้าหมาย สิ่งนี้จึงทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปยังคงเป็นทางเลือกของเฟด” นายบาร์กินกล่าว
3.) สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันพุธ (3 ม.ค.)หลังจากมีรายงานว่า ลิเบียซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) สั่งปิดบ่อน้ำมันชารารา (Sharara)เนื่องจากการประท้วงของคนงาน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นเนื่องจากความกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรงมากขึ้นและจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมั้นในตลาดโลก
4.) นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ เอ็กซิมแบงก์เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำการส่งออกของไทยมีแนวโน้มดีขึ้น โดยปี67 การส่งออกจะขยายตัวได้ 4% มีปัจจัยบวกจากการค้าโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว หลังสหรัฐอเมริกาชะลอขึ้นดอกเบี้ย ทำให้คาดการณ์ว่าการค้าโลกจะเติบโตจาก 0.8% เป็น 3.3% ในปี 67 สำหรับสินค้าที่มีแนวโน้มส่งออกได้เพิ่ม คือ สินค้าเกษตรและอาหาร เครื่องใช้สำหรับเดินทางและในโรงแรม สินค้าดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างแผงโซลาร์ฯบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,390-1,440 จุด ในสัปดาห์นี้ โดยมีปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของ USD และ Bond yield ที่ลดลงตามการชะลตัวของเงินเฟ้อ หนุน Funds flow ไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นไทยยัง laggard ดัชนี MSCI ACWI มากกว่า 30% YTD และนักลงทุนต่างชาติ underweight หุ้นไทยโดยขายสุทธิ 1.96 แสนลบ. ในปีนี้ จากปี 2565 ที่ซื้อสุทธิ 2.0 แสนลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิตราสารหนี้ 8.3 พันลบ. ในปี 2566 จากปีก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิ 2.1 แสนลบ. สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ตัวเลขเงินเฟ้อของไทย, ประเด็น พรบ.กู้เงิน 5 แสนลบ., เงินเฟ้อยุโรป, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ, อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ และค่าจ้างรายชั่วโมง
หุ้นแนะนำวันนี้
PTTEP (ราคาพื้นฐาน 180 บาท) ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI +3% คืนก่อน จากความกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรงมากขึ้นและจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมั้นในตลาดโลก รวมถึงการปิดบ่อน้ำมันของลิเบีย
COM7 (ราคาพื้นฐาน 34.02 บาท) ภาพระยะสั้น คาดได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ Easy E-Receipt 2567 สำหรับภาพระยะกลาง เราเชื่อว่ากำไรของ COM7 ในปี 2567 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ +24.99% YoY โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเต็มรูปแบบจากรัฐบาล อุปสงค์การเติมสต็อกสินค้าไอที และการพลิกมามีกำไรจากธุรกิจใหม่ของCOM7
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพฤหัสฯ ติดตาม อัตราเงินเฟ้อเยอรมัน เดือน ธ.ค. คาด 3.4% YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.2% ตัวเลข HCOB Services PMI ของยูโรโซน เดือน ธ.ค. คาด 48.1 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 48.7 จุด ตัวเลข ADP Employment ของสหรัฐฯ เดือนธ.ค. คาด 100K ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 103K ตัวเลข Initial Jobless Claim รายสัปดาห์ ตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ และตัวเลข S&P Global Services PMI ของสหรัฐฯเดือน ธ.ค. คาด 51.3 จุด
- วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Consumer Price Index – CPI) ของไทยสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่-0.3% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.44% YoY และตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของไทยสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ 0.58% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.4% YoY ต่อด้วยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ (Nonfarm payrolls)สำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ 1.58 แสนตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.99 แสนตำแหน่ง ตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ (Unemployment rate) สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่3.8% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.7% และตัวเลขค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยรายชั่วโมงของสหรัฐฯ (Average hourly earnings) ตลาดคาดที่ 3.9% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.0% YoY