เงินเฟ้อก็มา งบ 67 ก็มี / 1,420-1,445

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET ก็ยังไม่อยากเลือกทาง : ปัจจัยลบมาจาก1) ตัวเลขการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ในเดือนธ.ค.ออกมาที่ 1.64 แสนตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาดที่ 1.15 แสนตำแหน่ง ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ออกมาที่ 2.02 แสนราย ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 2.16 แสนราย โดยรวมสะท้อนภาพการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐอย่างแข็งแกรุ่ง หนุนมุมมองคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดยาวนานมากขึ้น โดยล่าสุด Fedwatch tool ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าจะเป็นที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมวันที่ 31 ม.ค. เป็น 95.3% จาก 90.7% และวันที่ 20 มี.ค. เป็น 34.3% จาก 29.0% สร้าง Sentiment เชิงลบต่อตลาด 2) ราคาน้ำมันดิบ WTI ย่อลงเล็กน้อยรับ Dollar Index ดีดตัวขึ้น กดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำ ขณะที่ปัจจัยบวกมาจากการผ่านร่างงบประมาณปี 67 ซึ่งในวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่จะมีการอภิปรายร่างพรบ.งบฯ ดังกล่าว และลงคะแนนเสียงเพื่อรับหลักการ ซึ่งคาดเสียงส่วนใหญ่จะลงคะแนนเห็นชอบในร่างพรบ.ดังกล่าว และจะนำส่งกมธ.พิจารณาต่อไป ซึ่งมองเป็นแรงหนุนต่อหุ้นในกลุ่มก่อสร้างอสังหาฯ ที่ได้รับอานิสงส์จากงบลงทุนที่จะเข้ามาเพิ่มช่วยพยุง Downside ของตลาด ขณะที่นลท.กำลังจับตาตัวเลขอัตราเงินเฟ้อไทยเดือนธ.ค.โดยตลาดคาด Core CPI และ CPI จะขยายตัว 0.59% และ -0.30%y-y ปรับตัวขึ้นจากเดือนพ.ย.ที่ขยายตัว 0.58% และ -0.44%y-y ตามลำดับ หากออกมาตามที่ตลาดคาด มองจะสะท้อนอุปสงค์ที่ค่อยๆขยายตัวได้ ยังเป็นแรงหนุนต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและเกี่ยวเนื่อง ส่วนคืนนี้จับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงาน รวมถึงค่าจ้างแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์หน้าติดตามตัวเลขอัตราการว่างงานยูโรโซนตัวเลข New Loan + เงินเฟ้อของจีนและเงินเฟ้อสหรัฐ เพื่อคาดการณ์ทิศทางการประชุมของเฟดในรอบการประชุมที่จะถึงนี้
  • กลยุทธ์การลงทุน: 1) Spending: CPALL, CPAXT, ONEE 2) นิคมฯ: WHA, PIN 3) ก่อสร้าง และ อสังหาฯ: CK, ITD, STEC, ORL, LH, SPALI 4) โรงพยาบาล : EKH, BH, 5) Selective: SAPPE, ICHI, SISB 6) Anti-Com: GULF, GPSC, TOA, SCC

ปัจจัยบวก

  • 7 ม.ค. รัฐบาลเตรียมเริ่มโครงการ “30 บาทรักษาทุกที่” อย่างเป็นทางการโดยในระยะแรกจะนำร่องใน 4 จังหวัด ใน 4ภูมิภาค ก่อนขยายโครงการไปทั่วประเทศในระยะถัดไป
  • กรมธุรกิจพลังงาน เผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.66) อยู่ที่ 152.24 ล้านลิตร/วันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.9% สะท้อนอุปสงค์พลังงานภายในประเทศที่ยังแข็งแกร่ง
  • ท่าอากาศยานไทย ระบุว่านโยบาย Free Visaจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว จีน คาดในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 8 ล้านคน
  • CAAC ชี้ตลาดการเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศของจีนจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง คาดจำนวนเที่ยวบินรายสัปดาห์จะฟื้นถึงระดับ 80% ของระดับก่อนโรคโควิด-19 ระบาดภายในสิ้นปี 2567

ปัจจัยลบ

  • ซีเอ็นบีซีรายงานว่า การโจมตีเรือในทะเลแดงยังคงผลักดันอัตราค่าระวางเรือทะเลให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จุดชนวนความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการขนส่งสินค้าที่ล่าช้า
  • Epia AACER เผยยอดการยื่นขอล้มละลายทั้งในระดับผู้ประกอบการและบุคคลในสหรัฐเพิ่มขึ้น 18% แตะ 445,186 รายในปี 2566 สาเหตุจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น และการทยอยสิ้นสุดลงของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด

PICKS OF THE DAY

ORI BUY
  • เป้าหมาย 9.50 / 9.80 แนวรับ 9.00
  • ฟรียกเว้นวีซ่าจีน: จะช่วยดึงดีมานด์จีนเข้ามากระตุ้นอสังหาฯในไทย ต่อจากภาคการท่องเที่ยว โดยกลุ่มที่จะได้ประโยชน์คือกลุ่มของคอนโดฯทั้งซื้อลงทุนตามสถานที่ท่องเที่ยว หรือในเขตเมือง และซื้อเพื่ออยู่อาศัย มอง ORI ได้ประโยชน์จากพอร์ตคอนโดที่หลากหลายทั้งในกรุงเทพ ต่างจังหวัด และ EEC
  • ครบวงจร: ใน 3Q66 ที่ผ่านมา บริษัทลูกอย่าง PRI ได้เปิด บ. Agent ซื้อ-ขายอสังหาฯ โดยเน้นลูกค้าชาวต่างชาติ คาดว่าจะเข้ามาช่วยเสริมการขายได้ให้กับ ORI ได้อย่างดีและรายได้ค่านายหน้ายังวนกลับเข้าบริษัทลูก มองว่า ORI เป็นบริษัทอสังหาฯ ที่มีบริการอสังหาฯครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ

SAPPE BUY

  • เป้าหมาย 95.00 / 100.00 แนวรับ 91.00
  • ปี 2567 ตั้งเป้าโต 20-25%: ภาพรวมรายได้ 9M66 เติบโต 37% y-y โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 130.4% y-y ในยุโรป ขณะที่ปี 2567 ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนมุ่งเน้นตลาดเติบโตทุกภูมิภาค ซึ่งผู้บริหารตั้งเป้ารายได้เติบโต 20-25% นอกจากนี้ ทางฝ่ายมองบริษัทจะได้แรงหนุนจากราคาวัตถุบางอย่างที่ลดลง สอดรับกับราคาน้ำตาลและ PET ที่ปรับตัวลง
  • ขยายกำลังการผลิต: ในปี 2567 บริษัทมีการวางงบลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 25% เป็น 44,000 ตัน/ปี โดยจะเริ่มการผลิตได้ในช่วง 1Q67 และบริษัทวางเม็ดเงินลงทุนประมาณ 1,630 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างอาคาร ซึ่งสามารถรองรับการผลิต 3 ไลน์ใหม่ และการติดตั้งเครื่องจักรไลน์ใหม่ ช่วยเพิ่มกำลังการผลิต 25-30% สู่ 66,000 ตัน/ปี โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการผลิตได้ประมาณ 2Q68

 

 

- Advertisement -