KS Daily View 05.01.2024 >>> บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ แตะ 4% มอง flow เข้าหุ้น เล็ก และหุ้น laggard คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,420-1,440 จุด หุ้นแนะนำ KAMART, CPN

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันก่อน

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.03%, S&P 500 -0.34%, NASDAQ -0.56%โดย Sector ที่outperform ใน S&P500 ได้แก่ Health Care (+0.46%), Financials (+0.23%), Industrials (+0.09%) ส่วน Sector ที่Underperform ได้แก่ Energy (-1.63%), Consumer Discretionary (-0.97%), Communication Services (-0.69%)เป็นต้น

ในประเทศ: SET Index +4.97 จุด หรือ +0.35% ปิดที่1,434.59 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่RCL (+7.92%), AWC (+5.21%), SAPPE (+3.35%), JMT (+3.21%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ DELTA (-3.33%), PTTGC (-3.23%), ITC (-2.82%), KCE (-2.75%)เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ1,420-1,440 จุด ตลาดไร้ปัจจัยบวกใหม่ บอนด์ยีลด์สหรัฐแตะระดับ 4% อีกครั้ง ส่งผลให้หุ้นสหรัฐเริ่มพักฐานหลังปรับตัวขึ้นร้อนแรงในปีก่อน เป็น sentiment ลบสำหรับ SET กดดันหุ้นขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามอาจเห็น flow เข้าหุ้นกลาง เล็ก และหุ้นlaggard ต่อเนื่อง

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขการจ้างงานสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 130,000ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 101,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ราย สู่ระดับ 202,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 219,000 ราย โดยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งนี้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปี ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 4% อีกครั้งเนื่องจากนักลงทุนเกรงว่าเฟดอาจไม่จำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ย

2.) บิตคอยน์พุ่งขึ้น 3.31% สู่ระดับ 44,147.50 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) อาจให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 5 ม.ค. ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของราคาบิตคอยน์จะมีผลต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง เช่น JTS, BROOK, ZIGA เป็นต้น

3.) รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานไทย เปิดเผยว่า ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.66 ติดลบ78,557 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 32,444 ล้านบาทและบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือแอลพีจี ติดลบ 46,113 ล้านบาท ต่ำกว่าที่คาดการณ์ว่าจะติดลบ 1 แสนล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกโดยเฉพาะดีเซลในช่วงสิ้นปีมีทิศทางอ่อนตัวลง แต่แนวโน้มในปี 67 นี้ ยังมีความผันผวนสูงจากปัจจัยความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์พร้อมๆ กับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

4.) รมว. พลังงาน มีแผนรื้อโครงสร้างก๊าซธรรมชาติครั้งใหญ่กดค่าไฟถาวร 11.50 สตางค์ หลังที่ผ่านมาบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมีสิทธิการใช้ก๊าซธรรมชาติราคาถูกจากอ่าวไทยในราคาที่ไม่หารเฉลี่ยกับราคา LNG นำเข้าจากต่างประเทศ และแหล่งอื่น ทั้งนี้ นวค. ของทาง KS มีความเห็นว่า ข่าวดังกล่าวจะเป็นลบกับ PTT โดยต้นทุนโรงแยกก๊าซของ PTT จำนวนประมาณ 17.6 พันล้านบาท/ปี คิดเป็น 19% ของกำไรปี 2567 ของ PTT และต้นทุนของ PTTGC ประมาณ 2.9 พันล้านบาท/ปีหรือคิดเป็น 45% ของกำไรปี 2567 ของเรา (ฐานต่ำ) อย่างไรก็ตาม PTTGC คงต้องเจรจาขอปรับสูตรราคาก๊าซกับ PTT ซึ่งจะทำให้ผลกระทบเปลี่ยนแปลงไปจากประมาณการเรา แต่รวมๆผลกระทบทั้งกลุ่ม PTT อยู่ที่ 20.5 พันล้านบาท/ปี สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP มอง neutral จากประเด็นนี้ เพราะต้นทุนก๊าซเฉลี่ยที่ลดลง น่าจะเอาไปลด Ft ให้ประชาชน

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,420-1,440 จุด ในสัปดาห์นี้ โดยมีปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของ USD และ Bond yield ที่ลดลงตามการชะลตัวของเงินเฟ้อ หนุน Funds flow ไหลเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นไทย laggard ดัชนี MSCI ACWI มากกว่า 30% ในปี 2566 ที่ผ่านมา และนักลงทุนต่างชาติ underweight หุ้นไทยโดยขายสุทธิ 1.96 แสนลบ. ในปี2566 จากปี 2565 ที่ซื้อสุทธิ 2.0 แสนลบ. สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อของไทย, พรบ.กู้เงิน 5 แสนลบ., เงินเฟ้อยุโรป, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ, อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ และค่าจ้างรายชั่วโมง

หุ้นแนะนำวันนี้

CPN (ราคาพื้นฐาน 79 บาท) เราคาดกำไรในปี 2567 จะดีขึ้นต่อเนื่องจากระดับที่ยอดเยี่ยมในปี 2566 ธุรกิจหลักทั้งหมดจะมีโมเมนตัมเชิงบวกในปี 2567 ความคืบหน้าของโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ 5 โครงการและการขยายธุรกิจในเวียดนาม จะสร้าง upside ต่อคาดการณ์ของเรา

KAMART (ราคาพื้นฐาน 16.39 บาท) ภาพระยะสั้น คาดได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ E-Receipt 2567 สำหรับภาพระยะกลาง-ยาว เราคาด KAMART จะบรรลุเป้ายอดขายปี2566 ที่ 2.5 พันลบ. ขณะที่ตั้งเป้ารายได้ปี 2569 ที่ 4 พันลบ.จากการเติบโตของธุรกิจเครื่องสำอางที่มีอยู่และธุรกิจภายนอกคาดกำไรปกติ 4Q66 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 154 ลบ. (+77%YoY) ปรับสมมติฐานกำไรปี 2566-68 ขึ้น 6.4%/12.2%/20.4% จากรายได้และแนวโน้ม GPM ที่ดี

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Consumer Price Index – CPI) ของไทยสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่-0.3% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.44% YoY และตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของไทยสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ 0.58% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.4% YoY ต่อด้วยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ (Nonfarm payrolls)สำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ 1.58 แสนตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.99 แสนตำแหน่ง ตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ (Unemployment rate) สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่3.8% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.7% และตัวเลขค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยรายชั่วโมงของสหรัฐฯ (Average hourly earnings) ตลาดคาดที่ 3.9% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.0% YoY
- Advertisement -