บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
PTT Exploration & Production (РТТЕР)
4Q66 บันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ แต่ไม่ Surprise ตลาด
- Action TRADING (Maintain)
- TP upside (downside) +9.3%
- Close Jan 5, 2024 Price (THB) 151.00
- 12M Target (THB) 165.00
- Previous Target (THB) 165.00
What’s new?
- คาดกำไรสุทธิ 4Q66 อยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท -12% QoQ จากการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์โครงการ Mozambique LNG 4.5 พันล้านบาท
- หากนับเฉพาะกำไรปกติคาดทำได้ 1.9 หมื่นล้านบาท -27% YoY จากฐานสูงผิดปกติ แต่นับว่ายังอยู่ระดับสูงใกล้เคียง 3Q66 โดย +2% QoQ จากปริมาณขายเพิ่มขึ้น และต้นทุนการผลิตลดลง
- หาก 4Q66 เป็นไปตามคาด ประมาณการกำไรปกติ และกำไรสุทธิปี 2566 จะมี Downside เล็กน้อย 3-6%
Our view
- แนวโน้ม 1Q67 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะไม่มีรายการพิเศษกดดัน ต้นทุนลดลงตามฤดูกาล คงกำไรปี 2567 ที่ 6.8 หมื่นล้านบาท แต่มี Upside จากดีลโรงไฟฟ้าพลังงานลม (ปิดดีลกลางปี)
- เชื่อว่าตลาดรับรู้ความเสี่ยงรายการด้อยค่าใน 4Q66 ไปบ้างแล้ว ขณะที่กำไรปี 2567 อาจไม่ดีเท่าช่วงที่ผ่านมา แต่ถือว่าไม่เลวร้าย คงราคาเหมาะสม 165.00 บาท สามารถ TRADING ตามราคาน้ำมัน ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากเงินปันผล 2H66 สูง 3.1%, ความคืบหน้าโครงการ OCA, ปลอดภัยจากนโยบายภาครัฐ
4Q66 กำไรปกติประคองตัว แต่บรรทัดสุดท้ายถูกกดดันด้วยรายการทางบัญชี
คาดกำไรสุทธิ 4Q66 อยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท (-12% QoQ, +2% YoY) โดยเมื่อเทียบกับ 3Q66 ปรับตัวลงเพราะประเมินว่าจะบันทึกรายการด้อยค่าสินทรัพย์โครงการ Mozambique LNG 127 ล้านเหรียญฯ หรือ 4.5 พันล้านบาท หลังกำหนดการ COD ล่าช้า 1 ปีเป็น 1H71 (เดิม 1H70) โดยปี 2565 บริษัทฯ เคยบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์โครงการนี้ 190 ล้านเหรียญฯ จากความล่าช้า 1.5 ปี ขณะที่การปิดดีลขายสัดส่วนการลงทุนในโครงการ Cash Maple ออสเตรเลียจะมีกำไรพิเศษเข้ามาช่วยราว 70 ล้านเหรียญฯ (เจรจาซื้อขายช่วงราคาน้ำมันสูง) อย่างไรก็ตาม การจำหน่ายโครงการดังกล่าวจะส่งผลให้ศักยภาพการพัฒนาโครงการ Oliver ในออสเตรเลียต่ำลง และเกิดค่าตัดจำหน่ายราว 50 ล้านเหรียญฯ หากนับเฉพาะกำไรปกติคาดทำได้ 1.9 หมื่นล้านบาท -27% YoY จากฐานสูงผิดปกติ แต่ใกล้เคียง 3Q66 ดีขึ้นเล็กน้อย +2% QoQ จากปริมาณขายคาดทำได้ 477 kboed (+2% QoQ) จากแผนปิดซ่อมบำรุงโครงการในไทยลดลง และการส่งมอบน้ำมันโครงการในไทย – Algeria เพิ่มขึ้น, ราคาขายเฉลี่ยทรงตัว, ต้นทุนการผลิตต่ำลงตามกิจกรรมซ่อมบำรุง – ค่าเสื่อมราคา หาก 4Q66 ตามคาด กำไรปกติ – กำไรสุทธิปี 2566 จะมี Downside 3-6%
1Q67 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี…ประมาณการปี 2567 มี Upside ดีลโรงไฟฟ้าพลังงานลม
สำหรับ 1Q67 แม้ราคาน้ำมันจะลดลง QoQ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นคาดกำไรปกติประคองตัว QoQ จากต้นทุนการผลิตลดลงตามฤดูกาล ปริมาณขาย – ราคาก๊าซยังอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่กำไรสุทธิจะฟื้นตัวเพราะไม่มีรายการพิเศษกดดัน ในช่วงที่เหลือของปี แม้แนวโน้มราคาขายจะลดลงตามราคาน้ำมัน – ก๊าซ ทั้งนี้ปริมาณขายจะเร่งตัวขึ้นจากโครงการเอราวัณตามเป้าหมาย 800 mmscfd ในเดือนเม.ย. คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 6.8 หมื่นล้านบาท โดยสมมติฐานเรายังไม่รวมการเข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานลม 280 MW (ปิดดีลช่วง 2Q67) กรณีรับรู้เต็มปีคาดส่วนแบ่งกำไร 1 – 3 พันล้านบาท
ติดตามความคืบหน้าโครงการ OCA หากบรรลุได้จะเป็น Upside ระยะยาว
โครงการปิโตรเลียมบริเวณพื้นที่ทับซ้อนไทย – กัมพูชา (OCA) ปัจจุบันการเจรจาด้านการผลิตปิโตรเลียมคืบหน้ามากขึ้น (ในอดีตถูกระงับด้วยข้อพิพาทด้านเขตแดน) ทั้ง 2 ประเทศจะหารือกันในวันที่ 7 ก.พ. เรามองโครงการ OCA มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นพื้นที่ศักยภาพด้วยปริมาณสำรองน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติสูง กรณีผลิตได้จริงจะช่วยเพิ่มอุปทานพลังงานให้ทั้ง 2 ประเทศ, ช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้า, สร้างรายได้ให้ประเทศผ่านค่าภาคหลวง, พื้นที่ยังอยู่บริเวณเดียวกับแหล่งเอราวัณ แหล่งอาทิตย์ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็น Wet Gas สามารถต่อยอดเพิ่มมูลค่าสู่ปิโตรเคมีได้ หากโครงการสามารถกลับมาพัฒนาได้อีกครั้ง อาจจะเป็น Upside ระยะยาวให้แก่ PTTEP และคาดใช้เวลา 6 – 7 ปีเพื่อเริ่มผลิต
ปี 2567 อาจไม่ดีเท่าที่ผ่านมา…แต่ยังเป็นช่วงที่ไม่เลวร้าย
แม้งบ 4Q66 ถูกกดดันจากรายการด้อยค่า และการเติบโตปี 2567 ไม่เด่น แต่เราเชื่อว่าตลาดจะไม่ตื่นเต้น กับ Impairment และกำไรปี 2567 ยังอยู่ระดับสูง คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 165.00 บาท สามารถเก็งกำไรตามราคาน้ำมันได้ ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจาก 1) คาดเงินปันผล 2H66 สูง 4.75 บาท/หุ้น Yield 3.1% 2) เป็น Oil Play ที่ปลอดภัยจากนโยบายพลังงาน 3) กรณีการเจรจา OCA วันที่ 7 ก.พ. มีความคืบหน้าเชิงบวกจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น (ประกาศผลประกอบการงวดปี 2566 วันที่ 30 ม.ค.)