ยังไม่ถึงเวลาลดดอกเบี้ย /1405- 1,420

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET ถูกกดดันให้ขึ้นไม่ไหว: ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะศก. หลัง World Bankคาดศก.โลกจะขยายตัวเพียง 2.4% ในปีนี้ โดยชะลอตัวติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และหากไม่นับการที่ศก.โลกหดตัวในปี 63 เนื่องจากโควิด 19 การขยายตัวของศก.โลกในปีนี้จะเป็นการเติบโตต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทัวโลกในปี 52 อีกทั้งการลงทุนในสินทรัพย์เสียงยังถูกกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาส่งสัญญาณในเชิงสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไป หลังนายราฟาเอล บอสติกปร.เฟดแอตแลนต้ากล่าวว่าเฟดมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไป ขณะที่นางมิเชลโบว์แมน หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวว่าวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยมีแนวโน้มสิ้นสุดลงแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะปรับลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี มองทางลงของ SET Index จำกัด โดยได้แรงพยุงจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น 2.1% ปิดที่ $72.24 ต่อบาร์เรล ท่ามกลางคาดการณ์ที่ว่าวิกฤตการณ์ในตะวั่นออกกลางและการที่ลิเบียยังคงปิดบ่อน้ำมันขนาดใหญ่จะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันกอปรกับยังมีความหวังที่จีนจะกระตุ้นศก. หลัง PBOC เผยกับซินหัวว่า PBOC อาจจะใช้เครื่องมือต่างๆซึ่งรวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินผ่านทางตลาดการเงินโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) และ RRR เพื่อสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให้เติบโตในระดับที่เหมาะสม ขณะที่วันนี้ติดตามเงินกู้สกุลเงินหยวนเดือนธ.ค.66 ของจีน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ภาวะศก.จีนโดยตลาดคาดที่ 14 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นจาก 1.09 ล้านล้านหย่วนในเดือนพ.ย.66 ด้านในประเทศติดตาม 1) การพูดคุยกันระหว่างนายกฯและผู้ว่าฯธปท. หลังนายกฯเผยมีความเห็นไม่ตรงกันในบางเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นความเห็นต่างเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และ 2) กกพ. พิจารณาอัตราค่าไฟงวดใหม่ (ม.ค.-เม.ย.) ปี 67 โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.15-4.19 บาท/หน่วย
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) เก็งงบ 4Q66: BBL, KBANK, TISCO 2) Dividend play: BRI, KKP, LH, QH, SAT, SC, SIRI, SPALI, TISCO 3) พลังงาน: BCP, PTTEP, TOP 4) Selective play: BA, HANA, NER, STA, STGT, TU และ 5) Defensive play: ADVANC, BDMS, BH

ปัจจัยบวก

  • กองศก.การท่องเที่ยวและกีฬาเผยประเทศไทยมีจำนวนนทท.ต่างชาติสะสมตั้งแต่ 1-7 ม.ค. 67 จำนวน 6.06 แสนคน (+41%y-y)
  • กรมเจรจาฯ เผยถึงแผนการเจรจาจัดทำ FTA ของไทยในปี 67 จะเร่งเจรจา FTA ที่คงค้างอยู่ให้สำเร็จโดยเร็ว คือ FTA ไทย-สมาคุมการค้าเสรีแห่ง ยุโรป และจะผลักดันการเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป ที่ขณะนี้ได้เปิดการเจรจาไปแล้วให้มีความคืบหน้าโดยเร็ว
  • ธนาคารออมสินประกาศลดอัตราดอกเบี้ย MRR จากเดิม 6.995% ลดลงเหลือ 6.845% เพื่อช่วยเหลือบรรมทาภาระทางการเงินของประชาชนในช่วงระยะนี้ไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
  • สำนักบริหารการบินพลเรือนแห่งประเทศจีนคาดว่าภาคการบินพลเรือนของจีนจะรองรับผู้โดยสารจำนวน 80 ล้านครั้ง ระหว่างมหกรรมการเดินทางช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง เพิ่มขึ้น 44.9% y-y และเพิ่มขึ้น 9.8% เมื่อเทียบกับระดับที่บันทึกไว้เมื่อปี 62

ปัจจัยลบ

  • บลูมเบิร์กเผยไต้หวันได้ส่งสัญญาณเตือนภัยทางอากาศ หลังจีนส่งดาวเทียมขึ้นหนือน่านฟ้าดินแดนทางตอนใต้ของต้หวัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความวิตกกังวลในช่วงไม่กี่วันก่อนถึงกำหนดการเลือกตั้งปธน. ไต้หวัน
  • สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งอังกฤษเผยยอดขายของธุรกิจค้าปลีกในเดือนธ.ค.66 เพิ่มขึ้น 1.7% y-y ชะลอตัวลงจากระดับ 2.7% y-y ในเดือนพ.ย.66 และหากน้ำอัตราเงินเฟ้อมาพิจารณา พบว่ายอดขายกลับลดลงเม้เป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสสะท้อนความกังวลว่าศก.ของอังกฤษอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วเล็กน้อย
  • เยอรมนีเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.7% m-m ในเดือนพ.ย.66 สวนทางตลาดคาดที่ขยายตัว 0.2% m-m และหดตัวรุนแรงขึ้นจากการหดตัว 0.3% m-m ในเดือนต.ค. 66
  • BDIIndex ปรับตัวลดลง 7.27% สู่ 1,875 จุด คาดเป็น Sentiment ทางลบต่อหุ้นในกลุ่มเดินเรือ

PICKS OF THE DAY

BRI BUY
  • เป้าหมาย 9.20 / 9.50 แนวรับ 8.50
  • เก็ง Presale เติบโต: ช่วงนี้ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯเริ่มตอบรับกับการทยอยประกาศ Presale ทางฝ่ายคาดว่า BRI จะประกาศ Presale ออกมาโดดเด่นใน 4Q66 เนื่องจากเปิดโครง การกว่า 10,150 ลบ. เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเทียบกับ 3Q66 มีบ้านระดับราคาสูงเพิ่มขึ้น มีทำเลใหม่ๆอย่างภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมด้านอสังหาฯสูงสุดในปีนี้
  • Div. yield สูงไม่แพ้ บ.แม่ อย่าง ORI: คาด BRI กำไรปี 66 อาจทรงตัว y-y ซึ่งมองว่ายังสามารถจ่ายปันผลได้อยู่ในระดับเดิม คิดเป็น Div. yield 7.9% จากราคาปัจจุบัน ถือว่ายังสูงกว่ากลุ่มที่ราว 6.5% ทำให้ราคาหุ้นยังสามารถปรับตัวขึ้นได้อีก

TISCO BUY

  • เป้าหมาย 103.00 / 105.00 แนวรับ 98.00 / 99.00
  • สินเชื่อปี 66 โตเด่นที่สุดในกลุ่ม: จากการหันมาปล่อยสินเชื่อรายใหญ่เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ TISCO เน้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทำให้จนถึงเดือน พ.ย. 66 TISCO เป็นธนาคารที่สินเชื่อเติบโตเด่นที่สุดในกลุ่ม โดยโตไปถึง 7.65% ytd ในขณะที่ สินเชี่อของกลุ่มธนาคารหดตัว 0.36% ytd
  • ปันผลเด่น: ทางฝ่ายคาดว่า TISCO จะจ่ายปันผลจากผลประกอบการปี 66 สูงถึง 7.85 บาท/หุ้น ซึ่งคิดเป็น Div. yield ถึง 7.8% อย่างไรก็ตาม TISCO ได้เปลี่ยนนโยบายการจ่ายปันผลจากปีละครั้ง เป็นปีละ 2 ครั้งในปีนี้ โดยมีการจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 2 บาท/หุ้น เหลือปันผลครึ่งปีหลังอีก 5.85 บาท/หุ้น ซึ่งก็ยังคิดเป็นระดับ Div. yield ที่สูงอยู่ดีเมื่อเทียบกับกลุ่ม โดยอยู่ที่ 5.8%
- Advertisement -