KS Daily View 11.01.2024 >>> คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,410-1,420 จุด คาดหุ้นกลุ่มธนาคารถูกกดดันจาก NIM ที่พีคไปแล้ว และ credit cost สูงขึ้น ส่วนกลุ่มพลังงานถูกดดันจากราคาน้ำมันลดลง หุ้นแนะนำ MINT, PR9

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

  • ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA +0.45%, S&P 500 +0.57%, NASDAQ +0.75%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Communication Services (+1.17%) IT (+1.00%), Consumer Discretionary (+0.98%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Energy (-1.01%), Materials (-0.17%), Consumer Staples (-0.12%) เป็นต้น
  • ในประเทศ: SET Index -1.41 จุด หรือ -0.10% ปิดที่ 1,413.52 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ GPSC (+4.26%), MTC (+3.91%), BTG (+3.81%), SPRC (+3.68%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ VGI (-2.94%), BBL (-2.91%), SAPPE (-2.80%), CENTEL (-2.79%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,410-1,420 จุด คาดหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ถูกกดดันต่อเนื่อง ไม่ว่างบไตรมาส 4/66 ซึ่งจะเริ่มประกาศในวันจันทร์หน้า (15 มี.ค.) จะเป็นอย่างไร หากว่างบดี ก็อาจจะมีแรงกดดันอยากให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยลง กดดัน NIM อีกปัจจัยที่กดดันหุ้นธนาคารได้แก่ การเริ่มผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ของบริษัทขนาดใหญ่ สร้างความกังวลให้แก่นักลงทุนเรื่องสภาพคล่องของบริษัทไทย ทั้งนี้ในปี 67 จะมีหุ้นกู้ภาคเอกชนที่จะครบกำหนดไถ่ถอนกว่า 1 ล้านล้านบาท

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ก.ล.ต.สหรัฐอนุมัติ Spot Bitcoin ETF อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ (10 ม.ค. ตามเวลาสหรัฐ) หลังจากที่ตลาดรอคอยมากว่าสิบปี โดยมีกองจาก บลจ. ขนาดใหญ่เช่น BlackRock, Ark Investments, 21Shares, Fidelity, Invesco, VanEck ที่ได้รับอนุมัติ และบางกองจะได้เริ่มซื้อขายเลยในวันพฤหัสนี้ตามเวลาสหรัฐ ล่าสุดราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้น 3.4% หลังข่าวนี้ สู่ $47,500 หลังการอนุมัติดังกล่าว
  2. กกพ.เคาะค่า Ft งวด ม.ค.-เม.ย. 67 รอบใหม่ รับแนวทาง “กพช.-ครม.” ให้ปรับปรุงเพื่อลดค่าครองชีพประชาชน ส่งผลให้ Ft ลดลงจาก 89.55 สตางค์/หน่วยเหลือ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วยจากเดิมที่ประกาศ 4.68 บาท/หน่วย ย้ำเตือน ปชช.ใช้ให้มีประสิทธิภาพงวดต่อไปยังมีภาระคงค้างต้องส่งคืน ปตท.กฟผ.อยู่
  3. นายกฯ เปิดผลหารือผู้ว่าฯ ธปท. ยันไม่ได้แทรกแซง ย้ำไม่มีอำนาจไปก้าวก่ายเรื่องขึ้นดอกเบี้ย แค่อธิบายเหตุผลเศรษฐกิจภาพรวมให้ฟัง ทั้งนี้ ผู้ว่าการ ธปท. ได้รายงานถึงแนวทางการดำเนินงานว่าทำอะไรไปบ้าง เช่น เรื่องของการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน ที่ ธปท. กำลังดูแลอยู่ ส่วนเรื่องของดอกเบี้ยนโยบายนั้น นายกรัฐมนตรียอมรับว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจไปก้าวก่ายการทำงาน เพราะ ธปท. เป็นองค์กรสำคัญ และคงพูดกันด้วยเหตุด้วยผลมากกว่า ไม่ได้ไปใส่อะไร เพียงแต่เป็นการอธิบายเหตุผลให้ฟังเท่านั้น
  4. ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวปรับตัวลงวานนี้ หลังมีกระแสข่าวเชิงลบจากนักท่องเที่ยวอินเดียวต่อมัลดีฟส์ หลังรัฐมนตรี 3 คนของมัลดีฟส์แสดงความคิดเห็นดูหมิ่นนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียที่เป็นการกล่าวอ้างถึงการที่อินเดียสนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ส่งผลให้ยอดจองท่องเที่ยวมัลดีฟส์ จากอินเดียลดลง 40% ใน 2 วันที่ผ่านมา จากข้อมูลของ Rategain บริษัทซอฟต์แวร์การท่องเที่ยวในอินเดีย ทั้งนี้เราประเมินเป็น sentiment ลบกับกลุ่มโรงแรมที่มีธุรกิจในมัลดีฟ เช่น SHR 20% CENTEL 16% MINT 1% ของสัดส่วนของรายได้ทั้งหมด ตามลำดับ
  5. ติดตามมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ เพิ่มเติมหลังนายกรัฐมนตรีขานรับข้อเสนอกระตุ้นอสังหาฯ โดยจะตั้งคณะทำงานรวบรวมปัญหา และแนวแก้ไข

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

คาดกรอบการเคลื่อนไหวของหุ้นไทยรายสัปดาห์ที่ 1,400-1,444 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่จะต้องติดตามคือ ความคืบหน้าโครงการกู้เงินเพื่อทำดิจิตอลวอลเล็ต รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนธันวาคม ซึ่งยังทรงตัวสูง โดยเฉพาะ Core CPI ที่คาดขยายตัว 0.3% MoM และ 4.0% YoY และตัวเลขตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่ง ทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ย สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ เดือนธ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน และดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ธ.ค. ของจีน เป็นต้น

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • MINT (ราคาพื้นฐาน 40.88 บาท) ราคาหุ้นปรับตัวลง -4.0% ในช่วงสองวันที่ผ่านมา มองปรับลงตามกลุ่มจากข่าวเรื่องนักท่องเที่ยวอินเดียแบนไปมัลดีฟ อย่างไรก็ตามเราประเมินว่า MINT ได้รับผลกระทบจำกัดเพราะสัดส่วนรายได้จากมัลดีฟคิดเป็นเพียงสัดส่วน 1% ราคาหุ้นกลุ่มโรงแรมระดับโลกต่างปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่จากตลาดคลายกังวลเรื่อง Recession และแนวโน้ม RevPar ที่ดี ขณะที่ราคาก๊าซ DUTCH TTF ทรงตัวต่ำจากระดับก๊าซคงคลังที่สูงจะเป็นบวกกับโรงแรมของ MINT ในยุโรป ขณะที่รายได้จากโรงแรมในไทยจะได้แรงหนุนจากประเด็นฟรีวีซ่าไทยจีนถาวร อีกทั้งหุ้นมี upside เก็งประเด็นขยายฟรีวีซ่าเข้าไทยให้แก่ ชาวอินเดีย และไต้หวัน (ปัจจุบันฟรีวีซ่าชั่วคราวสิ้นสุด 10 พ.ค. 67) สำหรับประเด็นเรื่องฐานะการเงินของ MINT เรามองว่าบริษัทมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง และหากอิงจากข้อมูลล่าสุด บริษัทมี Net IBD/E (Excluded lease liabilities and Covid 19 impairment) ที่ 1.05x ต่ำกว่า covenant ที่ 1.75x และ internal policy ที่ 1.3x นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (De-leverege) เพิ่มเติมในปี 2567 จากเงินสดที่มีอยู่และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
  • PR9 (ราคาพื้นฐาน 18.50 บาท) แนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 แข็งแกร่ง ผู้บริหารเห็นการเติบโตของรายได้ที่ดี โดยมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น ผู้ป่วยชาวไทยได้รับการสนับสนุนจากการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่/โควิด-19 และโรคที่มีความรุนแรงสูง ในขณะที่ผู้ป่วยชาวต่างชาติยังมีสัญญาณที่ดี เราคาดว่ารายได้และกำไรปกติจะสูงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 4/2566 กำไรปกติอยู่ที่ประมาณ 163 ลบ. เพิ่มขึ้น 16% QoQ จากรายได้และอัตรากำไรที่สูงขึ้น ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” โดยเพิ่มเป้าหมายปี 2567 ที่ 18.50 บาท จาก 17.00 บาท

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Consumer price index) ของสหรัฐฯสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ 3.0% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.1% YoY และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของสหรัฐฯสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ 4.0% YoY ทรงตัวเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.0% YoY
  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Consumer price index) ของจีนสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ -0.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.5% YoY ต่อด้วยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ 61.0 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 60.9
- Advertisement -