บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Bumrungrad Hospital (BH.BK/BH TB)

ประมาณการ 4Q66F: อ่อนตัวลง QoQ ตามฤดูกาล

Event

ประมาณการ 4Q66F

Impact

คาดกำไรสุทธิใน 4Q66F ออนตัวลง QoQ

หลังจากที่กำไรสุทธิใน 3Q66 ทำสถิติสูงสุดใหม่แล้ว เราคาดว่า BH จะรายงานกำไรสุทธิใน 4Q66F ที่ 1.75 พันล้านบาท (+13.0% YoY แต่ -10.6% QoQ) ซึ่งจะคิดเป็น 25.2% ของประมาณการกำไรเต็มปี 2566F ของเราที่ 6.94 พันล้านบาท แต่หากประมาณการกำไรใน 4Q66F เป็นไปตามคาดนี้ กำไรสุทธิเต็มปี 2566F จะสูงกว่าราว 1.5% จากประมาณการเดิมของเรา ซึ่งจะทำใหกำไรสุทธิใหม่ของเราเต็มปี 2566F อยู่ที่  7.03 พันล้านบาท สำหรับใน 4Q66F เราคิดว่าโมเมนตัมบวกจะเกิดจากการฟื้นตัวของจำนวนผูป่วยต่างชาติหนาแน่นขึ้น YoY แต่อย่างไรก็ดี กำไรไตรมาสนี้โดยปกติจะอ่อนตัว QoQ เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยชะลอตัวลงในเดือนธันวาคม ทั้งนี้ เราคาดวาประเด็นสำคัญที่น่าสนใจของผลประกอบการใน 4Q66F มีดังนี:

i) คาดว่ารายได้จะเติบโต 13.0% YoY และทรงตัว QoQ เป็น 6.74 พันล้านบาท

ii) คาดวาอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 47.5%, เทียบกับ 47.4% ใน 4Q65 และลดลงจาก 49.8% ใน 3Q66 ตามคาด ท่ามกลางปริมาณผู้ปวยที่มี intensity สูงชะลอลงในช่วงเทศกาลปลายปี

iii) คาดสัดส่วน SG&A/รายได้ อยู่ที่ 16.5% เทียบกับ 17.5% ใน 4Q65 และ 15.5% ใน 3Q66 กรณีเป็นผลจากความสามารถของบริษัทในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ดีในไตรมาสนี้

เราคาดสัดส่วนรายใดใน 4Q66F จากผู้ป่วยไทยจะอยู่ที่ 33% และจากผู้ป่วยต่างชาติจะอยู่ที่ 67% เทียบกับสัดสวน 34:66 ใน 4Q65 และ 33:67 ใน 3Q66 เมื่ออิงจากประมาณการกำไร 4Q66F ของเรานี้ ทำให้กำไรสุทธิของ BH ปี 2566F จะอยู่ที่ 7.03 พันล้านบาท (+42.4% YoY)

คาดผลการดำเนินงานใน 1Q67F จะเป็นจุดสูงสุดใหม่

เราคาดว่า BH จะรายงานผลประกอบการใน 1Q67F อย่างน่าประทับใจเป็นผลของการแข็งแกร่งขึ้นทั้ง YoY QoQ  จากผู้ปวยชาวตะวันออกกลางฟื้นตัวต่อเนื่อง และจากผู้ปวยไทยที่มารับการรักษาประเภทที่มีความซับซ้อน (intensity) สูงในช่วงฤดูกาลที่แข็งแกร่งของปี เนื่องจาก BH มีศักยภาพการเติบโตแข็งแกร่ง เรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่กำไรสุทธิของ BH จะทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาสใน 1Q67F อยู่ที่ 2 พันล้านบาท (หลังจากทำสถิติกำไรสูงสุดไว้เดิมที่ 1.95 พันล้านบาทใน 3Q66) คาดมีอัตราการเติบโตสูงต่อเนื่องในปี 2567F

Valuation & Action

เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F เดิมที่ 7.39 พันล้านบาท (+6.6% YoY) ภายหลังจากที่มีการเติบโตสูงกว่า 40% YoY ในปี 2566F เราคงคำแนะนำซื้อ ประเมินราคาเป่าหมายด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ปี 2567 อยู่ที่ 300 บาท (ใช้ WACC ที่ 8.2% และ TG ที่ 3%) คิดเป็น PE ปี FY67F ที่ 32.3x นอกจากนั้น BH ยังคงมีจุดแข็งในด้านต่างๆ ได้แก่ i) ความสามารถในการทำกำไร (อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 45% และมีอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 25%) ii) การฟื้นตัวของกำไรแข็งแกร่งหลังเกิดโรคระบาด COVID-19 และ iii) มีอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) โดยเปรียบเทียบค่อนข้างสูง (>30%)

Risks

COVID-19 ระบาด การแทรกแซงของภาครัฐ และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่

- Advertisement -