Daily Focus: Earnings and Selective Play

2024 SET Target : 1520

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ต่อเนื่อง โดยยังปรับลงอีกเล็กน้อยเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันอีก 5.28 จุด ณ สิ้นวัน ที่ระดับ 1,408.24 จุด มูลค่าการซื้อขายบางลงเหลือ 3.6 หมื่นลบ. โดยตลาดรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา กลุ่มที่ถ่วงตลาด ไก้แก่ วัสดุก่อสร้าง ไฟแนนซ์ ขนส่ง เป็นต้น ขณะที่กลุ่มยานยนต์ สื่อสารฯ อาหาร การแพทย์ ปรับตัว ดีกว่าตลาด สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 130 ลบ.และ 1.1 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures อีก 8.3 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังแกว่งตัว Sideways ต่อเนื่อง โดยประเมินกรอบการเครลื่อนไหวที่ 1,400-1,415 จุด ตลาดหุ้นต่างประเทศตอบรับเป็นกลางหลังเห็นตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เดือน ธ.ค. ที่ออกมาสูงกว่าคาดเล็กน้อย โดยเงินเฟ้อทั่วไป +0.3% m-m, +3.4% y-y และเงินเฟ้อพื้นฐาน +0.3% m-m, +3.9% y-y อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงไม่เปลี่ยนมุมมองที่ FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. นี้ โดยความน่าจะเป็นขยับขึ้นเป็น 73% ขณะที่ Bond Yield ปรับลงโดยอายุ 10 ปีกลับมาต่ำกว่าระดับ 4% อีกครั้ง เราประเมินภาพรวมและสร้างรานหลังจากปรี่ขั้นแร็งในเดือน ธ.ค. ส่วนวันนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามเช้านี้ คือ เงินเฟ้อและตัวเลขส่งออกของจีนเดือน ธ.ค. รวมถึงเงินเฟ้อ PPI สหรัฐฯ คืนนี้ และจะเข้าสู่ช่วงเริ่มทยอยประกาศกำไร 4Q23 ของกลุ่มธนาคารของต่างประเทศ ส่วนของไทยเริ่มสัปดาห์ที่ TISCO เรายังมองว่า SET Index ยังมีแนวโน้ม Outperform หุ้นโลกได้ในปีนี้ บนสมมติฐานเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนทยอยเร่งตัวใน 4Q23-2024 ด้าน Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพงเทียบกับอดีต ทั้งในแง่ PER ที่ราว 14.8 เท่า และ EY Gap ที่กว่า 4%

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่ง และ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มที่ระดับ 1,400 จุดหรือต่ำกว่า

หุ้นเด่นเดือน ม.ค.: CHG, COM7, GFPT, SAPPE, SAWAD

หุ้นเด่นวันนี้ : KCG

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาท
  • เราคาดกำไร 4023 ที่ 138 ลบ. +150%q-q, +21% y-y จากรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นตาม Festive Season และการขยายกำลังผลิตชีสแผ่น IWS จบปี 2023 คาดกำไรที่ 303 ลบ. +26% у-у
  • เราคาดว่า KCG กำลังอยู่ในช่วงเติบโตจากทั้งตลาดเนยและชีสเติบโตต่อเนื่องปีละ 5-7% รวมถึงการขยายกำลังการผลิตทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ เราคาดกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 349 ลบ. +16% у-у
  • แนวรับ 9//8.80-8.75 บาท แนวต้าน 9.50-9.55 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคสุทธิหนาแน่นมากที่ US$2,004 ล้าน แต่กระจุกตัวที่เกาหลีใต้ US$1,804 ล้าน รองลงมาคือไต้หวัน US$158 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังไหลเข้าอินโดนีเซีย US$55 ล้าน แต่ไหลออกจากไทยอีก US$30 ล้าน แนวโน้มกระแสคาดว่าจะผสมผสานหลังตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯเดือน ธ.ค. ออกมาสูงกว่าคาด แต่ตลาดยังไม่ได้ตอบรับเชิงลบอย่างมีนัยยะ

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) SC Presales 4Q23 ที่ 7.3 พันลบ. Flat y-y แต่ -14% q-q โดยฝั่งคอนโดปรับลด q-q จากฐานที่สูงในไตรมาสก่อน ด้านแนวราบแม้ยังบวกได้เล็กน้อย q-q แต่หดตัว -23% y-y ตามมูลค่าการเปิดโครงการใหม่ที่ลดลงมากเมื่อเทียบกับปีก่อน รวมถึงอุปสงค์ของตลาดแนวราบชะลอลง ส่วนยอดขายคอนโด -30% q-q ทิศทางกำไร 4Q23 เร่งขึ้น q-q แต่ลดลง y-y จาก SG&A ที่เพิ่ม คงคาดกำไรปกติปี 2023 -9% y-y และปี 2024 +6% y-y โดยเราอยู่ระหว่างรอข้อมูลจากการแถลงแผนธุรกิจวันที่ 8 ก.พ. เบื้องต้นคาดมูลค่าโครงการใหม่จะน้อยกว่าปี 2022-2023 คงราคาเหมาะสม 4.40 บาท คาดปันผลงวด 2H23 คิดเป็น Yield 5% ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) SIRI Presales 4Q23 +57% q-q และ +21% y-y แต่ต่ำกว่าราว 20% จากยอดขายแนวราบน้อยกว่าเป้า แม้เปิดโครงการใหม่มากสุดของปี 13 โครงการ มูลค่ารวม 2.3 หมื่นลบ.แต่อุปสงค์แนวราบยังซบเซา อีกทั้งมียอดยกเลิกจองจากแนวราบ High-End บางแห่งที่มีการก่อสร้างล่าช้ากว่าแผน อย่างไรก็ดียอดขายคอนโดเกณฑ์ดี +131% q-q, +75% y-y จากการเปิดตัวเร่งขึ้นเป็น 7 โครงการ มูลค่ารวม 1.2 หมื่นลบ. มี Take-up rate เฉลี่ย 27% เทียบกับ 3Q23 ที่ 20% เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2023 +23% y-y แต่ปี 2024 คาด -5% y-y คงราคาเป้าหมาย 1.90 บาท เนื่องจากแนวโน้มกำไร 4Q23 และกำไรปี 2024 ลดลง จึงปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ”

(+) AAV คาด 4Q23 พลิกมาเป็นกำไรปกติที่ 105 ลบ. จากรายได้รวมที่คาด +28% q-q จากปริมาณผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น 12% q-q และคาดค่าตั๋วเครื่องบินเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 18% q-q ขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้นราว 11% q-q หลักๆ มาจากค่าน้ำมันเชื่อเพลิงที่เพิ่มขึ้น และภาษีสรรพสรรมิตรที่ปรับขึ้น นอกจากนี้จะมีกำไรจาก FX ราว 2 พันลบ. จากค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ 4Q23 คาดมีกำไรสุทธิ 2.1 พันลบ. เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2023 ลงเล็กน้อย แต่ยังคงประมาณการ์ปี 2024 ที่คาดจะกลับมาเป็นกำไรปกติที่ 1.4 พันลบ. ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) AEONTS รายงานกำไรสุทธิ 3Q23FY ที่ 706 ลบ. -16% q-q, -36% y-y ตามที่เราและตลาดคาด จากกำไรจากการขาย NPLs ลดลง และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น ทำให้งวด 9M23 มีกำไรสุทธิ 2.17 ลบ. -30% y-y ส่วนด้านคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น แนวโน้ม 4Q23FY น่าจะดีขึ้น เพราะเป็นช่วงฤดูจับจ่ายใช้สอยและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ คงคาดกำไรปี FY23 -18% y-y ราคาเป้าหมาย 169 บาท ยังแนะนำเพียง “ถือ” (ประธานกรรมการของ FINANSIA SYRUS ดำรงตำแหน่งกรรมการของ AEONTS)

(0) ITC แนวโน้มกำไร 4Q23 น่าจะใกล้เคียงที่เราคาดว่าจะฟื้นตัวทั้ง q-q, y-y เป็น 777 ลบ. แต่คาดกำไร 1Q24 จะอ่อนลง q-q ส่วนหนึ่งจากปัจจัยฤดูกาล และมองว่าการเร่ง Restocking ของลูกค้ารายใหญ่จบลง กลับสู่ระดับปกติ ส่วนผลการเจรจาราคากับลูกค้าจะเกิดขึ้นในช่วง 2Q24 ซึ่งยังไม่ชัดว่าจะปรับไปในทิศทางใด เบื้องต้นบริษัทระบุว่าจะรวมค่าแรงที่ปรับขึ้น แต่แนวโน้มราคาปลาทูน่าปรับลดลงทำให้เรามองว่าราคาขายเฉลี่ยอาจต้องปรับลงในปี 2024 ตามราคาวัตถุดิบที่ปรับลง แต่ด้วยปกติ 2Q-3Q24 เข้าสู่ช่วง High season ของธุรกิจ ทั้งนี้ผู้บริหาร ยังตั้งเป้ารายได้ระยะกลางยาวโตเฉลี่ย 15-17% ต่อปี ราคาเป้าหมาย 30 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 15.29 จุด หรือ +0.04% ปิดที่ 37,711.02 จุด โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด และข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน ซึ่งอาจทำให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่สูงเกินคาดได้ทำลายความหวังที่ว่าธนาคารกลางรายใหญ่ทั่วโลกจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีนี้

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบเป็นส่วนใหญ่ จากความกังวลในตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของจีน เช่น เงินเฟ้อ และข้อมูลการค้า ยกเว้นตลาดนิกเกอิที่ยังคงทำจุดสูงสุดต่อเนื่อง

(0) ค่าเงินบาท ทรงตัว อยู่ที่บริเวณ 35.08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 72.02 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่าอิหร่านได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งในอ่าวโอมาน ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวขึ้นอยู่ที่ระดับ 73.42 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +1.94%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 8.60 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 2,019.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวขึ้นที่ระดับ 2,035.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.79%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 863.84/ -0.13%

- Advertisement -