บล.ฟิลลิป:

ธนาคารทหารไทยธนชาต – TTB การปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ยังทำอย่างต่อเนื่อง

Key Point

ถึงแม้สินเชื่อเดือน พ.ย. จะหดตัว แต่การเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้คาดว่ากำไร 4Q66 จะเติบโต y-y แต่การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปีจะทำให้กำโรลดลง q-q การปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ NPL ของ TTB อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม และน่าจะทำให้ต่อเนื่องไปในปี 67 ทำให้การตั้งสำรองอาจจะยังไม่ลดลงจากปี 66 ซึ่งทำให้คาดการณ์การเติบโตของกำไรปี 67 ของ TTB ต่ำกว่าปี 66 ที่คาดมีกำไรเติบโตถึง 28.1% y-y ยังคงราคาพื้นฐาน 1.96 บาท และยังแนะนำ “ซื้อ”

เดือน พ.ย. ยังหดตัวต่อ

ในเดือน พ.ย. TTB มีสินเชื่อหดตัว 0.46% m-m ซึ่งเป็นการหดตัว 2 เดือนติดต่อกัน จากเดือนก่อนที่สินเชื่อหดตัว 1.41% m-m และทำให้สินเชื่อหดตัวจากสิ้นปี 65 เพิ่มเป็น 2.94% yed ซึ่งน่าจะมาจากการชำระคืนของสินเชื่อรายใหญ่ และความพยายามที่จะลดระดับ NPL ลงต่อเนื่อง

คาดกำไร 4Q66 เติบโต y-y แต่ลดลง q-q

ถึงแม้ว่าสินเชื่อใน 4Q66 จะหดตัวลง แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การลดระดับการตั้งสำรองลงและการควบคุมค่าใช้จ่าย ทำให้คาดว่า TTB จะมีกำไร 4.6 พันลบ. เพิ่มขึ้น 19.3% y-y แต่เมื่อเทียบกับ 3Q66 คาดว่ากำไรจะลดลง 3.1% q-q ถึงแม้จะคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยจะเติบโตได้ต่อจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีการตั้งสำรองลดลงตามการลดลงของสินเชื่อ แต่ค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเข้ามามากในช่วงปลายปีเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คาดว่ากำไรจะลดต่ำลง

การปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ยังทำอย่างต่อเนื่อง

TTB มีความพยายามที่จะปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อสำหรับลูกค้าที่จะเข้ามาใหม่ ยังมีการปรับโครงสร้างหนี้สำหรับลูกค้าที่ปล่อยสินเชื่อไปแล้วมีปัญหา และมีการขาย NPL ออกไป รวมไปถึงตัดหนี้สูญร่วมด้วย ส่งผลให้ NPL จากที่เคยสูงถึงระดับ 3% ในปี 62 มาอยู่ระดับ 2% ในปี 66 โดยใน 3Q66 ถึงแม้ว่า TTB จะมี NPL เพิ่มสูงขึ้นจาก 2Q66 เล็กน้อย โดยเพิ่มจาก 2.63% มาเป็น 2.67% แต่ก็ยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 2.93% พอสมควร

คาดกำไรปี 66 เติบโต 28.1% y-y และโตต่อ 7.2% y-y ในปี 67 แนะนำ “ซื้อ”

ทางฝ่ายคาดว่าปี 66 TTB จะมีกำไร 18 พันลบ. เพิ่มขึ้นถึง 28.1% y-y โดยหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมาก จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้น นอกจากนี้การควบคุมค่าใช้จ่ายที่ทำให้ค่าใช้จ่ายปรับลดลง และคาดว่าปี 67 กำไรจะเติบโตอีก 7.2% y-y เป็น 19 พันลบ. โดยรายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นได้จากสินเชื่อที่กลับมาเติบโต แต่การควบคุมค่าใช้จ่ายอาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายลดได้อย่างจำกัดแล้ว และการตั้งสำรองอาจจะยังไม่ได้ลดลงจากปี 66 ยังคงราคาพื้นฐาน 1.96 บาท และยังคงแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย
  2. ความเสี่ยงด้านเครดิต
  3. การเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน
- Advertisement -