บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
I-Tail Corporation (ITC)
เห็นการฟื้นตัวชัดเจน และดีต่อเนื่องในปี 2567
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +24.4%
Close Jan 11, 2024 Price (THB) 20.90
12M Target (THB) 26.00
Previous Target (THB) 26.00
What’s new?
- เราคาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ 812 ลบ. (+24.3% QoQ, -19.3% YoY) ทำระดับสูงสุดของปี แม้ยังชะลอ Yoy จากฐานสูง แต่เทียบ QoQ เห็นการฟื้นตัวชัดเจน สะท้อนการกลับมา Restocking ของลูกค้า และรับรู้ผลของราคาต้นทุนที่ปรับลดลงได้มากขึ้น
- แนวโน้มกำไร 1Q67 อาจชะลอลงตามปัจจัยฤดูกาล แต่คาดจะพลิกกลับมาเติบโต YoY หลังปัจจัยกดดันในปีก่อนคลี่คลาย
Our view
- เราคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของ ITC คาดกำไรปกติปี 2567 ที่ 3,201 ลบ. (+46.5% YoY) แต่อาจต้องติดตามสถานการณ์การขนส่งทางเรือผ่านทะเลแดง และการปรับขึ้นค่าแรงขันตำที่อาจเป็น Downside ต่อประมาณการ
- เราคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 26.00 บาท ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER67 ที่ 19.6 เท่า คงคำแนะนำ “ซื้อ”
คาดกำไร 4Q66 ฟื้นตัว QoQ ต่อเนื่อง และทำระดับสูงสุดของปี
เราคาดกำไรปกติของ ITC ใน 4Q66 ที่ 812 ลบ. (+24.3% QoQ, -19.3% Yoy) ทำระดับสูงสุดของปี แม้ยังเป็นการชะลอลงจากฐานสูงในปีก่อน แต่เห็นการฟื้นตัว QoQ ได้ชัดเจนจากการ Restocking ของลูกค้า ที่ยังทำต่อเนื่อง ทั้งในตลาดสหรัฐฯ และยุโรป โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้า Private Label ประกอบกับการรับรู้การปรับขึ้นราคาขายกับลูกค้าบางรายเพิ่มเติมราว 2-3% หนุนให้รายได้คาดที่ 5.1 พันลบ. (+28.0%QoQ, -23.6%YoY) ขณะที่ด้านต้นทุนจะรับรู้ผลของราคาวัตถุดิบปลาทูน่า, เนื้อไก่ และราคาบรรจุภัณฑ์กระป๋อง ที่ปรับลดลงได้ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงจะรับรู้สัดส่วนรายได้สินค้ากลุ่มที่เป็น Premium มากขึ้น และรับรู้ค่าเงินบาทเทียบ USD ที่อ่อนค่า หนุน GPM คาดสูงขึ้นเป็น 20.8% จาก 19.2% ใน 3Q66 และ 19.8% ใน 4Q65 โดยหากกำไร 4Q66 เป็นไปตามคาด จะทำให้กำไรปกติปี 2566 ของ ITC อยู่ที่ 2,313 ลบ. สูงกว่าประมาณการกำไรทั้งปีของเราราว 6% และคาดปันผลจ่ายงวด 2H66 ที่ 0.30 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ 1.2%
1Q67 กำไรชะลอตามฤดูกาล แต่จะกลับมาโต YoY และอาจเป็นจุดต่ำสุดของปี
แนวโน้มผลประกอบการ 1Q67 อาจชะลอลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่เป็น Low Season เพราะปกติลูกค้าจะชะลอคำสั่งซื้อในช่วงเดือนม.ค. และยังต้องติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในทะเลแดงที่อาจกระทบระยะเวลาในการขนส่งสินค้าไปทวีปยุโรป และสหรัฐฯ ฝั่งตะวันออก ขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นจะสามารถชดเชยได้ด้วยราคาต้นทุนวัตถุดิบทูน่าที่ปรับลดลง และการปรับขึ้นราคากับลูกค้าไปแล้วได้ อย่างไรก็ตามเราประเมินว่าสถานการณ์สินค้าคงคลังของลูกค้ากลับสู่ภาวะปกติแล้ว และปัจจัยกดดันด้านต้นทุนที่คลายตัวจะช่วยหนุนให้รายได้และกำไรปกติของบริษัทคาดจะกลับมาเติบโตเด่น YoY และมีโอกาสเป็นจุดต่ำสุดของปี ส่วนกำลังการผลิตใหม่ที่อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักร (+18.7% ของกำลังการผลิตเดิม) มีการเลื่อนกำหนดการแล้วเสร็จเป็นใน 2067 ทำให้ใน 1Q67 จะยังไม่ต้องรับรู้ค่าเสื่อมที่สูงขึ้นราว 60 ลบ./ไตรมาส และเราประเมินว่ากำไรรายไตรมาสของ ITC จะเติบโตเด่น YoY ได้ทุกไตรมาสหากไม่มีปัจจัยนอกเหนือการควบคุมกระทบ
ระดับสินค้าคงคลังของลูกค้ากลับสู่ภาวะปกติ หนุนการฟื้นตัว คงคำแนะนำ “ซื้อ”
เราคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพการเติบโตในระยะยาวของ ITC และยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ของ ITC ที่ 3,201 ลบ. (+46.5% YoY) จากปัจจัยกดดันต่างๆ ในปี 2566 ที่คลี่คลายทั้งด้านปริมาณขายและด้านต้นทุน คงราคาเหมาะสมปี 2567 ที่ 26.00 บาท และราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER67 เพียง 19.6 เท่า ต่ำกว่าอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงที่ 25 เท่า คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ความเสี่ยงสำคัญ: ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ, ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับสูงขึ้นมากกว่าคาด, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน, ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และการขาดแคลนแรงงานต่างชาติจากความไม่สงบด้านการเมืองในเมียนมา