บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)

The Siam Cement (SCC)

4Q66 ยังอ่อนแอ..เสี่ยงพลิกขาดทุนจาก Impairment

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +17.6%

Close Jan 12, 2024 Price (THB) 289.00

12M Target (THB) 340.00

Previous Target (THB) 345.00

What’s new?

  • คาด 4Q66 ยังอ่อนแอ ลดลง QoQ สาเหตุหลักมาจากธุรกิจปิโตรเคมี เพราะเป็นช่วงปิดซ่อมใหญ่, Spread ลดลง, ขาดทุนสินค้าคงคลัง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงด้อยค่าสินทรัพย์โรงงานปูนซีเมนต์ในเมียนมา 2 พันล้านบาท
  • ประเมิน 4Q66 ขาดทุน 889 ล้านบาท พลิกจากกำไร QoQ และ YoY ทั้งนี้ หากไม่รวม Impairment กำไรสุทธิจะเท่ากับ 1.1 พันล้านบาท
  • ปรับกำไรปี 2566 – 2567 ลง 14-20% เป็น 2.6 หมื่นล้านบาท – 2.5 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ

Our view

  • ราคาปัจจุบัน Valuation ไม่แพง ซื้อขายบน PBV 0.9 เท่า (-1.60 SD) และหากหักมูลค่า Market Cap. ของ SCGP SCGD SUWD จะเหลือมูลค่าธุรกิจปูนซีเมนต์, SCGC, อื่น ๆ เพียง 2.4 แสนล้านบาท ถือว่าไม่แพงเทียบกับเงินลงทุน และ Replacement Cost
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมใหม่ 340.00 บาท ทั้งนี้ เชิงกลยุทธ์ยังไม่ต้องรีบลงทุน เพราะระยะสั้นไม่
    มี Catalyst บวก, งบ 4Q66 อาจพลิกเป็นขาดทุน, ความเสี่ยงถูกตลาดปรับลดประมาณการ, เงินปันผล
    งวด 2H66 คาด Yield ไม่สูง 1.9%

คาด 4Q66 อ่อนแอ…ความเสี่ยงตั้งด้อยค่าอาจพลิกเป็นขาดทุน

คาดผลประกอบการ 4Q66 ยังอ่อนแอ โดยเทียบกับ 3Q66 แม้ธุรกิจวัสดุก่อสร้างได้อานิสงส์ปัจจัยฤดูกาลและธุรกิจบรรจุภัณฑ์ฟื้นตัว แต่ไม่สามารถชดเชยความอ่อนแอของธุรกิจปิโตรเคมีได้ เนื่องจากเป็นช่วงปิดซ่อมบำรุงโรงงาน ROC ตั้งแต่กลางเดือนพ.ย. ราว 45 วัน ทำให้ปริมาณขายลดลง, ส่วนต่างปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดย Spread HDPE PP ต่ำลง 4-5%, ขาดทุนสินค้าคงคลัง 570 ล้านบาท นอกจากนี้ความไม่สงบในเมียนมา อาจส่งผลต่อศักยภาพการกลับมาผลิตของโรงงานปูนซีเมนต์ (ปัจจุบันหยุดผลิตชั่วคราว) ประเด็นดังกล่าวเป็นความเสี่ยงต่อการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์เพิ่มเติมใน 4Q66 (ขึ้นอยู่กับความเห็นของ Auditor ทั้งการพิจารณาตั้งรายการ Impairment และจำนวนเงิน) กรณีเลวร้าย มูลค่าทางบัญชีโรงงานปูนซีเมนต์ในเมียนมาช่วงต้นปี 2566 อยู่ที่ราว 3 พันล้านบาท หากหักค่าเสื่อมราคา 3-4 ร้อย ล้านบาท/ปี และรายการ Impairment ใน 3Q66 จำนวน 578 ล้านบาท คาดบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ครั้งนี้จะ สูงสุดราว 2 พันล้านบาท จากเหตุผลข้างต้นเราประเมิน 4Q66 ขาดทุนสุทธิ 889 ล้านบาท พลิกจากกำไร 2.4 พันล้านบาทใน 3Q66 และ 157 ล้านบาทใน 4Q65 บนสมมติฐานบันทึก Impairment 2 พันล้านบาทหากไม่รวมรายการดังกล่าว 4Q66 จะมีกำไรสุทธิ 1.1 พันล้านบาท ลดลง QoQ และฟื้นตัว YoY

ปรับประมาณการปี 2566 – 2567 ลง 14-20%

เราคงมุมมองผลประกอบการปี 2567 ฟื้นตัว โดยธุรกิจวัสดุก่อสร้างมีปัจจัยบวกจากการเติบโตของตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศ, ตลาดในภูมิภาคฟื้นตัว, ต้นทุนชื้อเพลิงต่ำลง ส่วนธุรกิจปิโตรเคมี แม้จะรับรู้ค่าใช้จ่ายทางการเงิน – ค่าเสื่อมราคาของ LSP เข้ามาเพิ่มขึ้นหลัง COD อย่างเต็มรูปแบบช่วง 1H67 แต่คาดผลการดำเนินงานฟื้นตัวจากอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นหลังกำลังผลิตใหม่ PE ชะลอตัว และความสามารถการใช้วัตถุดิบ Propane ของ LSP (ต้นทุนต่ำ) อย่างไรก็ตาม หาก 4Q66 เป็นไปตามคาดผลประกอบการปี 2566 จะต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า และ Spread ปิโตรเคมีช่วง 4Q66 – ปัจจุบันยังอยู่ระดับต่ำ เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 – 2567 ลง 14-20% เป็น 2.6 หมื่นล้านบาท และ 2.5 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ (กำไรสุทธิลดลง YoY เนื่องจากปี 2566 บันทึกกำไรพิเศษราว 1 หมื่นล้านบาทจากการปรับโครงการ SJWD และ NocNoc)

มูลค่ามีส่วนลดทั้ง PBV Valuation และ Asset ในมือ

หุ้นซื้อขายบน PBV ต่ำ 0.9 (-1.60 SD) อีกทั้ง SCC มี Market Cap. 3.5 แสนล้านบาท หากหักมูลค่าตลาดของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (SCGP), ธุรกิจกระเบื้อง – สุขภัณฑ์ (SCGD), ธุรกิจโลจิสติกส์ (SIWD) โดยให้ Holding Discount 20% พบว่ามูลค่าของธุรกิจที่เหลือ เช่น ธุรกิจปูนซีเมนต์, ธุรกิจปิโตรเคมี, ธุรกิจพลังงานสะอาด ฯลฯ รวมกันเพียง 2.4 แสนล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับ Replacement Cost (LSP ลงทุน 5.1 พันล้านเหรียญฯ และดีลซื้อธุรกิจปูนซีเมนต์ระดับ 150 เหรียญฯ/ตัน) ถือว่าราคาปัจจุบันมี Downside จำกัด แต่ระยะสั้นยังไม่มี Catalyst บวก แนะนำรอผ่านงบ 4Q66 ไปก่อน

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมใหม่ 340.00 บาท

ปัจจุบันมี Upside Gain 17.6% และ Valuation มีส่วนลดสูง อย่างไรก็ตาม เชิงกลยุทธ์อาจรอผ่านงบ 4Q66 ระยะสั้นหุ้นยังไม่มี Catalyst บวกที่ชัดเจน มีโอกาสถูกตลาดปรับลดประมาณการ (กำไรปี 2567 ของเราต่ำกว่า IAA Consensus 13%) คาดเงินปันผลงวด 2H66 ที่ 5.5 บาท/หุ้น (Yield 1.9%) ไม่สูงเทียบกับ Big Cap. อื่น (ประกาศงบการเงินวันที่ 24 ม.ค.)

- Advertisement -