Daily Focus: Earnings and Selective Play

2024 SET Target : 1520

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index กลับมาซึมตัวอีกครั้ง ด้วยปริมาณการซื้อขายลดลงเหลือเพียง 3.26 หมื่นลบ. ดัชนีขึ้นไปบวกได้เพียง 2.48 จุดในช่วงเปิดตลาด หลังจากนั้น sideways down ต่อเนื่องและลบสูงสุด 8.72 จุด ก่อนจะปิดสิ้นวันที่ 1,407.02 จุด ลบ 6.51 จุด กลุ่มที่ลดลงหลักๆ คือกลุ่มไฟแนนซ์ นอกนั้นเป็นหุ้นใหญ่ในหลายกลุ่ม ขณะที่หุ้นปันผลดียังประคองตัวได้สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นมากขึ้นเป็น 787 ลบ. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเช่นกัน 471 ลบ. (และ Short Index Futures เร่งตัวขึ้นเป็น 17,941 สัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index กลับมามีแนวโน้ม Sideways ถึง Sideways down ในกรอบ 1400-1415 จุด จากต่างชาติที่ยังขายต่อเนื่องและเร่งตัวขึ้น และความผิดหวังของตลาดต่อมุมมองของ ธปท.ที่ยังไม่มีแนวโน้มลดดอกเบี้ย เพราะการลดดอกเบี้ยไม่แก้ปัญหา เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ประเด็นนี้อาจกดดันกลุ่ม Finance ต่อเนื่องในระยะนี้ ขณะที่กลุ่มธนาคารมีแรงกดดันต่อจากวานนี้จากกระแสส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไป ภาพรวมตลาดยังไม่มีปัจจัยหนุนที่ชัดเจน ทำให้ระยะสั้นยังอยู่ในช่วงพักและสร้างฐาน แต่เรายังมองว่า SET Index ยังมีแนวโน้ม Outperform หุ้นโลกได้ในปีนี้บนสมมติฐานเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนทยอยเร่งตัวใน 4Q23-2024 ด้าน Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพงเทียบกับอดีตทั้งในแง่ PER ที่ราว 14.8 เท่าและ EY Gap ที่กว่า 4%

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่ง และ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มที่ระดับ 1,400 จุด หรือต่ำกว่า

หุ้นเด่นเดือน ม.ค.: CHG, COM7, GFPT, SAPPE, SAWAD

หุ้นเด่นวันนี้ : AP

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 14.40 บาท
  • เงินปันผลโดดเด่น เราคาดจ่าย 0.70 บ/หุ้น คิดเป็น Dividend yield สูงถึง 6% ขณะเดียวกัน PE ปัจจุบันต่ำเพียง 5.6x ส่วนแนวโน้มกำไร 4Q23 คาดขยายตัว 10% y-y แต่ลด 20-30%q-q เป็น 1.2-1.3 พันลบ. กำไรทั้งปีในปี 2023-24 น่าจะโตและทำจุดสูงสุดได้ต่อ
  • Presales 4Q23 ทำ new high รายไตรมาสที่ 1.6 หมื่นลบ. จากความสำเร็จของการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ที่ทำยอดขายกว่า 6 พันลบ. แม้ว่า Presales ทั้งปีจะเพิ่มเพียง 2% y-y เพราะถูกฉุดจากตลาดแนวราบที่ซบเซา แต่ยังสามารถทำ new high ได้
  • แนวรับ 11.30 บาท แนวต้าน 11.80 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังไหลออกจากภูมิภาคต่ออีก US$158 ล้าน กระจุกอยู่ที่ไต้หวัน US$132 ล้านจากประเด็นผลเลือกตั้งประธานาธิบดีของไต้หวันที่อาจสร้างความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังไหลเข้าอินโดนีเซียเป็นวันที่ 8 ติดต่อกันอีก US$12 ล้าน และไหลออกจากไทยเพิ่มขึ้นอีก US$13.5 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะไหลออกต่อเนื่อง จากสถานการณ์สงครามที่ยึดเยื้อ ความขัดแย้งระหว่างไต้หวัน-จีน และภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังดูล่าช้า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) PR9 คาดกำไรปกติ 4Q23 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 170 ลบ. +23% y-y, +22% q-q จากรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยที่อยู่ในเกณฑ์ดี หลังการระบาดของโควิดและไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้รายได้จากผู้ป่วยต่างประเทศยังน่าจะโต 9% y-y EBITDA margin กลับสู่แนวโน้มขาขึ้นจาก Operating leverage ที่อยู่ในระดับสูง ทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2023 ขึ้น 7% และคงคาดกำไรปกติปี 2024 เติบโต 12% y-y และราคาเป้าหมาย 22 บาท ยังแนะนำ “‘ซื้อ”

(+) PSL คาดกำไรปกติ 4Q23 จะเป็นระดับสูงสุดของปีที่ 398 ลบ. +1,246% q-q, -34% y-y หลักๆ มาจากค่าระวางเรือเทกองที่ปรับขึ้น จากอัตราค่าระวางเรือ Capesize ที่กระโดดขึ้น โดยดัชนี Handysize เฉลี่ยใน 4Q23 ปรับขึ้น 42% q-q แต่ลดลง 14% y-y ทำให้คาดว่ารายได้ต่อลำเรือต่อปีของ PSL เพิ่มขึ้น +40% q-q, -5% y-y นับเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อลำเรือต่อวันน่าจะอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น 7% ในปี 2024-25 เพื่อสะท้อนค่าระวางที่ปรับขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ลดลง และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 10.30 บาท พร้อมปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ”

(0) KSL โทนประชุมเป็นกลาง สิ่งที่ดีกว่ามุมมองเดิมคือ ปัจจุบัน KSL ได้ล็อกราคาขายน้ำตาล ปี 2024 ไปกว่า 50% แล้ว มากกว่า อนท. สิ่งที่ไม่ดีคือ ปริมาณอ้อยไทยปี 2024 ลดลงเหลือ 85 ล้านตัน (-10% y-y) จาก El Nino โดยอ้อยของ KSL -19% เหลือ 5.35 ล้านตัน แม้รายได้รวมปี 2024 อาจขยับขึ้นเล็กน้อย Y-y จากฝั่งราคาเป็นหลัก แต่คาดอัตรากำไรขั้นต้นอาจทรงถึงปรับลง เพราะต้นทุนอ้อยสูงขึ้นมาก และยังมีความเสี่ยงจากการแย่งซื้ออ้อย ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนสูงกว่าคาด เป็น Downside ต่อกำไรปี 2024 ที่เราคาดไว้ +5% Catalyst หลักของราคาหุ้นอยู่ที่ราคาน้ำตาลเป็นหลัก ปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ อาจต้องรออีก 1-2 เดือนว่าผลผลิตน้ำตาลของไทยและอินเดียจะต่ำกว่าที่ตลาดคาดหรือไม่ แนะนำ เก็งกำไรตามราคาน้ำตาล

(-) TISCO เผยเป้าหมายธุรกิจปี 2024 โดยตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 5-10% y-y ใกล้เคียงกับปี 2023, NIM เป็นขาลงต่อเนื่องตลอดทั้งปี, Cost-to-income ratio ไม่เกิน 50%, Credit cost เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามกลยุทธ์การเพิ่มสินเชื่อกลุ่ม high yield ที่มีความเสี่ยงสูง และ NPL ratio ไต่ระดับขึ้นเช่นกัน แต่คุมไว้ไม่เกิน 2.50% จาก guidance ดังกล่าว นำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรปี 2024 ลง 14.6% เป็น +0.8% y-y และปี 2025 ปรับลง 18.6% เป็น +0.4% y-y ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่เป็น 97 บาท (เดิม 107) แต่ยังคาด div. yields ปี 2024-25 เฉลี่ยราว 8% ต่อปี คงคำแนะนำ “ถือ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 118.04 จุด หรือ -0.31% ปิดที่ 37,592.98 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดบวกเล็กน้อยหลังการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน โดยการเปิดเผยผลประกอบการที่เป็นไปอย่างไร้ทิศทางของธนาคารต่างๆ นั้นได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งสนับสนุนความคาดหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วยุโรปปรับตัวขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ ECB เตือนว่ายังเร็วเกินไปที่ ECB จะพิจารณาเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

(0) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดทรงตัว ขณะที่ตลาดนิกเกอิมีแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 โดยตลาดจับตามองดัชนีเงินเฟ้อซึ่งคาดว่าจะปรับตัวลดลง 0.3% y-y

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.97 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.14%

(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ตลาดปิดทำการเนื่องในวัน Dr. Martin Luther King, Jr. ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวลงอยู่ที่ระดับ 72.47 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.29%

(0) ราคาทองคำ COMEX ตลาดปิดทำการเนื่องในวัน Dr. Martin Luther King, Jr. ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวขึ้นที่ระดับ 2,053,80 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.11%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 863.84 / –

- Advertisement -