บล.บัวหลวง:
CP All (CPALL TB /CPALL.BK)
CPALL – แนวโน้มไตรมาส 4/66 คาดกำไรแข็งแกร่ง
เราคาด CPALL จะรายงานการเติบโตของกำไรไตรมาส 4/66 ที่ดีหนุนจากการดำเนินงานของทั้ง 7- Eleven และ CPAXT จำนวนลูกค้าที่มากขึ้นและอัตรากำไรที่สูงขึ้น (ต้นทุนที่เติบโตซ้าลง) จะหนุนการเติบโต ซื้อ!
ธุรกิจร้านสะดวกซื้อจะหนุนให้งบไตรมาส 4/66 แข็งแกร่ง
เราคาดกำไรหลักไตรมาส 4/66 ที่ 4,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% YoY และ 12% QoQ บนสมมติฐานการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมอยู่ที่ 3% เราคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 218,505 ล้านบาทในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 7% ทั้ง YoY และ QoQ หากไม่รวมการดำเนินงานของ makro และ Lotus’s ธุรกิจ 7-Eleven เพียงอย่างเดียวน่าจะเห็นถึงการเติบโตของรายได้และกำไร YoY และ QoQ จากจำนวนลูกค้าที่มากขึ้นและปัจจัยทางฤดูกาล เราคาดจำนวนลูกค้าเฉลี่ยของ 7-Eleven จะมากกว่า 960 ราย/ร้าน/วัน (959 รายในไตรมาส 3/66 และ 926 รายในไตรมาส 4/65) สมมติฐานการใช้จ่าต่อบิลเฉลี่ยของเราคือ 82 บาท (ทรงตัว YoY และ QoQ) เมื่อรวมประมาณการกำไรไตรมาส 4/66 เข้ากับตัวเลข 9 เดือนแรกของปี 2566 และคาดการณ์ของ CPAXT ประมาณการกำไรหลักรวมปี 2566 ของเราอยู่ที่ 17,701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% YoY หนุนจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ 7-Eleven
การเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนยอดขายของสินค้าและต้นทุนที่ลดลงน่าจะหนุน EBIT margin ของ 7-Eleven เราคาดว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นของสินค้าพร้อมรับประทาน (RTE) และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลตัวเอง ซึ่งมีราคาสูงกว่า (เป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักท่องเที่ยว) และยอดขายนุหรี่ที่ลดลงจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น YoY ของ 7-Eleven นอกจากนี้ค่าไฟต่อหน่วยที่ลดลง YoY อาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวขึ้นซ้ากว่ารายได้ในไตรมาส 4/66 โดยรวม เราคาด EBIT margin ที่ 4.9% เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ
แนวโน้มกำไรปี 2567 ที่แข็งแกร่ง
แม้ว่าเราจะมีมุมมองที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้จ่ายในกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง แต่เราเชื่อว่าการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมและการเติบโตของกำไรในปี 2567 ของ CPALL มีความโดดเด่นในกลุ่มค้าปลีกสินค้า อุปโภคบริโภค เราคาดการเติบโตของรายได้รวมปี 2567 อยู่ที่ 5% และการเติบโตของกำไรหลักอยู่ที่ 20% หนุนจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงสำหรับ CPAXT การฟื้นตัวของ Lotus’s การเติบโตของยอดขาย 7-Eleven ที่แข็งแกร่ง (เรามองว่ากการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิมของ 7-Eleven อยู่ที่ 3% และมีสาขาใหม่เพิ่มขึ้น) และต้นทุนที่ลดลง (ต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยลดลง YoY และ แม้ต้นทุนค่าแรงจะเพิ่มขึ้น แต่จะสามารถจัดการได้)
ความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่น่าสนใจ
หลังจากปรับขึ้นประมาณการกำไรของเรา ราคาเป้าหมาย CPALL ณ สิ้นปี 2567 อิงจากวิธีคิดลดกระแสเงินสดของเราเพิ่มขึ้นจาก 66 บาทไปเป็น 68 บาท ปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PER ปี 2567 ที่ 23.1 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 31.2 เท่า นอกจากนี้สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในปัจจุบันอยู่ที่เพียง 39% (ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี) ดังนั้นเราจึงเห็นความเสี่ยง ต่อราคาหุ้นจากการไหลออกของเงินทุนต่างชาติที่จำกัด