เรื่องร้ายๆ กลบเรื่องดีๆ / 1,390- 1,405
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET ปรับตัวลงต่อเนื่อง: ท่ามกลางความกังวลการดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดของเฟด ซึ่งได้บดบังปัจจัยบวกอย่างการรายงานรายได้ใน 4Q66 ที่สูงกว่าคาดของ Morgan Stanley และ Goldman Sachs โดยตลาดเริ่มปรับลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ลงสู่ 63% จาก 77% และเพิ่มน้ำหนักที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยจาก 19% สู่ 31% สำหรับการประชุมเดือน มี.ค.67 หลังนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกบอร์ดผู้ว่าการเฟดเผยว่าเฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วตามที่ตลาดคาด การแสดงความเห็นดังกล่าวยังส่งผลให้ US Bond Yield 2 และ 10 ปี ดีดตัวขึ้นทดสอบระดับ 4.26% และ 4.08% ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อการลงในสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึง SET Index ขณะที่ Dollar ที่ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 103.4 คาดเป็นแรงกดดันต่อ Fund Flow หลังต่างชาติขายสุทธิแล้ว 9 ใน 11 วันทำการของปีนี้ ด้านในประเทศคาดถูกดดันจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มถูกลดทอนลง หลังกกพ.เผยแนวโน้มค่าไฟงวดเดือนพ.ค.-ส.ค.67 คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 4.25-4.26 บาท/หน่วย จากงวดเดือนม.ค.-เม.ย.67 ซึ่งอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย อย่างไรก็ดี คาด SET Index ได้แรงพยุงจากการที่ครม.เห็นชอบการต่ออายุดีเซลและกรอบงบฯ ปี 68 อีกทั้งคาดได้แรงพยุงจากความหวังว่าจีนจะออกมาตรการกระตุ้นศก.หลังบลูมเบิร์กเผยว่าจีนกำลังพิจารณาการออกตราสารหนี้ใหม่ 1 ล้านล้านหยวน ภายใต้สิ่งที่เรียกว่าแผนพันธบัตรรัฐบาลพิเศษ นอกจากนี้ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของจีนในวันนี้ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจ ได้แก่ GDP4Q66 การผลิตในภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.66 รวมถึงติดตามการประชุมผู้ถือหุ้น ITD หากมีการขยายอายุต่อ คาดเป็น Sentiment ทางบวกต่อ SET Index โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารจากความคลายกังวลการผิดนัดซ้ำระหนี้ในระยะสั้น
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) นิคมฯ: AMATA, ROJNA, WHA 2) รับเหมาฯ: CK, STEC 2) โรงไฟฟ้า: BGRIM, GPSC, GULF 3) Dividend: LH, SAT, TCAP 4) ยานยนต์: AH, EPG และ 5) Selective: AOT, AWC, DCC, KBANK, PTG, SCB, STA, TKN
ปัจจัยบวก
- ครม.เห็นชอบปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 1 บาท/ ลิตร เป็นเวลา 3 เดือน ถึงวันที่ 19 เม.ย. 67 เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน
- ครม.มีมติเห็นชอบกรอบงบประมาณปี 68 โดยมีวงเงินงบประมาณรายจ่าย 3.6 ล้านลบ. เพิ่มขึ้นจาก 3.48 ล้านลบ.ในปีงบประมาณ 67 โดยเป็นงบประมาณขาดดุล 7.13 แสนลบ. เพิ่มขึ้นราว 2 หมื่นลบ.หรือ 2.89%
- นิกเกอิรายงานว่าโตโยต้ามีแผนที่จะผลิตรถยนต์จำนวน 10.3 ล้าน คันทั่วโลกในปี 67 ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ก็ถือเป็นการผลิตรถยนต์รายปีจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันปีที่สอง
- บลูมเบิร์กรายงานว่าจีนได้เปิดตัวแผนพัฒนาศก.สีเงินหรือศก.ผู้สูงวัย ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่าล้านล้านดอลลาร์ เพื่อรับมือจำนวนประชากรผู้สูงวัยที่ต้องการบริการต่างๆ ตั้งแต่บริการส่งอาหารไปจนถึงบ้านพักคนชราและตัวเลือกด้านความบันเทิง
ปัจจัยลบ
- IMF เผยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ถูกส่งผ่านไปยังตลาดการจำนองที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็ว ซึ่งบั่นทอนกำลังซื้อของผู้ซื้อบ้านในปัจจุบันและผู้ที่มีแนวโน้มซื้อบ้านในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้น ภาวะขาดแคลนอุปทานบ้านได้จำกัดการซื้อในบางภูมิภาค
- เฟดนิวยอร์กเผยดัชนีภาคการผลิตดิงลงสู่ระดับ -43.7 ในเดือนม.ค.67 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.63 และต่ำกว่าตลาดคาดที่ระดับ -5.0 จากระดับ -14.5 ในเดือนธ.ค.66 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการกรุดตัวลงของคำสั่งซื้อใหม่
- เยอรมนีเผย CPI เดือนธ.ค.66 +3.7% y-y และ +0.1% m-m ขยับขึ้นจากระดับ +3.2% y-y และ -0.4% m-m ในเดือนพ.ย.66
PICKS OF THE DAY
PTG BUY
- เป้าหมาย 9.20 / 9.50 แนวรับ 8.60
- ลดภาษีต่อ 3 เดือน: ครม.มีมติลดภาษีสรรพสามิต 1 บาท/ลิตร ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 เดือน (20 ม.ค.-19 เม.ย.) มองเป็นปัจจัยบวกหนุนการเติมน้ำมันดีเซลของผู้ใช้รถยนต์ เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนการขายน้ำมันดีเซลเป็นส่วนใหญ่กว่า 73%
- คาดงบ 4Q66 โต: คาดบริษัทบริหารค่าการตลาดได้ดี เนื่องจากราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงมาในช่วง 4Q66 รวมถึงเป็นช่วง high season หนุนการโตของยอดขายน้ำมัน นอกจากนี้ คาด Synergy ที่จะเกิดจากธุรกิจสินเชื่อรถบรรทุกกับกลุ่มไฟศาล ซึ่งทาง PTG จะใช้ประโยชน์จากการมีลูกค้ารถบรรทุกเป็นลูกค้าหลักมาร่วมวิเคราะห์สินเชื่อคาดจะมีส่วนแบ่งกำไรเข้ามาหนุนตั้งแต่ 2Q67 เป็นต้นไป
WHA BUY
- เป้าหมาย 5.00 / 5.20 แนวรับ 4.76
- มอง 4Q66 ยอดขายที่ดินเด่น: จากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่หนุนย้ายฐานสู่ไทยในฐานะ Hub ยานยนต์ BEV ซึ่งปีนี้ทางบริษัทคาดยอดขายที่ดินรวมจะทะลุเป้า 2750 ไร่
- ปี 67 ทางบริษัทหวังรายได้ All time High: ทางผู้บริหาร WHA เผยแผนปี 67 ในงาน We Sharpe the Futures Journey ที่ผ่านมา ตั้งเป้าทำรายได้ All time Highโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจนิคมฯ ที่อยู่ระหว่างพัฒนาแห่งใหม่ 5 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตจากการย้ายฐาน ซึ่งคาดจะดึงลงลงทุนต่างชาติเข้าประเทศถึง 1.6 ล.ล.บาท นอกจากนี้ ทาง WHA ในปีนี้ยังมีความตั้งใจพัฒนานิคมในเวียดนามให้เทียบเท่าไทย ขณะที่วันที่ 31 ม.ค. นี้บริษัทเตรียมจัดงานแถลงข่าว