บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)

Thai Union Group (TU)

สั่งลา Red Lobster … แนวโน้ม 1Q67 สดใส

  • Action BUY (Maintain)
  • TP upside (downside) +24.0%
  • Close Jan 17, 2024 Price (THB) 14.10
  • 12M Target (THB) 18.60
  • Previous Target (THB) 17.80

What’s new?

  • หากไม่รวมการด้อยค่าเงินลงทุนใน RL เราคาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ 1.61 พันลบ. ชะลอ 19% YoY จากฐานสูง แต่ทรงตัวได้แม้เป็น Low Season เนื่องจากธุรกิจ Pet Food
  • เราคาดแนวโน้มกำไรใน 1Q67 จะกลับมาเติบโตทั้ง QoQ และ YoY อีกครั้ง หลังจากปัจจัยกดดันต่างๆคลี่คลาย และบริษัทไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจาก RL อีกต่อไป

Our view

  • เรามีมุมมองบวกมากขึ้น หลังบริษัทตัดสินใจถอนการลงทุนใน RL ที่มีผลขาดทุนต่อเนื่อง ส่งผลให้เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567-2568 ขึ้น 3.5% และ 3.0% ตามลำดับ จากการถอดส่วนแบ่งขาดทุนจาก RL ออกจากประมาณการ
  • เราปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 18.60 บาท จากเดิม 17.80 บาท มี Upside gain 24.0% คงคำแนะนำ “ซื้อ”

กำไรสุทธิ 4Q66 ขาดทุนจากการด้อยค่า RL แต่คาดกำไรปกติจะทรงตัว QoQ

หากไม่รวมการด้อยค่าการลงทุนใน Red Lobster ที่ 1.85 หมื่นลบ. เราคาดกำไรปกติใน 4Q66 ของ TU อยู่ที่ 1.61 พันลบ. (-0.6% QoQ, -18.9% YoY) ชะลอตัว YoY จากฐานสูงในปีก่อน แต่ทรงตัว QoQ แม้จะเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจ เพราะได้อานิสงส์จากการกลับมา Restocking สินค้าของลูกค้าในยุโรปและสหรัฐฯ หลังปัจจัยกดดันด้านสินค้าคงคลังของลูกค้าคลายตัว โดยเราประเมินว่าธุรกิจ Pet Food จะมีการเติบโต QoQ โดดเด่นที่สุดทั้งในด้านปริมาณขายและราคาขาย, ธุรกิจ Frozen ฟื้นตัวเล็กน้อยจากปริมาณขายที่สูงขึ้น ส่วนธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋อง (Ambient) ชะลอตัว QoQ จากการรับรู้ราคาขายูเฉลี่ยที่ลดลงจากสินค้ากลุ่ม OEM ที่เริ่มปรับลดลง ราคาขายตามราคาต้นทุนปลาทูน่าที่ลดลง นอกจากนี้จะมีคำสั่งซื้อบางส่วนที่ถูกชะลอออกไปจากความไม่สงบในทะเลแดง ขณะเดียวกันเราคาด GPM ทรงตัว QoQ ที่ 18.4% จากการฟื้นตัวของ GPM ธุรกิจ Pet Food ช่วยชดเชย GPM ธุรกิจ Ambient ที่ลดลงจากการปรับลดราคาขายได้ ขณะที่ส่วนแบ่งขาดทุนจาก Red Lobster (RL) คาดทรงตัว QoQ ที่ 371 ลบ.

แนวโน้มกำไร 1Q67 โตทั้ง QoQ และ YoY .. ติดตามสถานการณ์ในทะเลแดง

เราประเมินแนวโน้มกำไรปกติ 1Q67 จะกลับมาเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ได้อีกครั้ง หลังปัจจัยกดดันต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปี 2566 คลี่คลาย อาทิ 1) ระดับสินค้าคงคลังของลูกค้าที่คาดจะลดลงกลับสู่ระดับปกติ และ 2) รับรู้ราคาต้นทุนวัตถุดิบหลักอย่างทูน่าปรับลดลงต่อ โดยบริษัทรายงานราคาปลาทูน่าเดือนธ.ค. อยู่ที่ 1,450 USD/ตัน จากเฉลี่ยใน 3Q66 ที่ 1,800 USD/ตัน ช่วยหนุนปริมาณขาย และ GPM และบริษัทจะไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจาก RL อีกต่อไป ส่งผลให้เราประเมินผลประกอบการรายไตรมาสมีโอกาสเติบโต YoY ได้ทุกไตรมาสในปี 2567 อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาคที่มีความเสี่ยงที่จะหดตัว รวมถึงสถานการณ์ความไม่สงบในทะเลแดงที่อาจส่งผลให้ระยะเวลาในการขนส่งทางเรือนานขึ้น ทำให้ลูกค้าอาจชะลอคำสั่งซื้อจากปกติ โดยหากสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้นจะเป็น Downside risk

ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลง แต่ปรับกำไรปี 2567 ขึ้น สะท้อน RL

เรามีมุมมองบวกมากขึ้นหลังบริษัทตัดสินใจถอนการลงทุนจาก RL ทำให้บริษัทจะไม่ต้องแบกรับส่วนแบ่งขาดทุนจาก RL อีกต่อไป เราจึงปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567 – 2568 ขึ้น 3.5% และ 3.0% เป็น 6,330 ลบ. (+13.5% YoY) และ 7,267 ลบ. (+14.8% YoY) ตามลำดับ เพื่อสะท้อนประเด็นดังกล่าว (เดิมเราคาดส่วนแบ่งขาดทุนจาก RL ที่ 300 ลบ. และ 250 ลบ. ในปี 2567 – 2568 ตามลำดับ)

ตลาดมองข้ามขาดทุนพิเศษไปแล้ว … คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ผลของการปรับประมาณการกำไรขึ้นทำให้ราคาเป้าหมายของเราถูกปรับขึ้นเป็น 18.60 บาท อิงวิธี SOTP (อิง PER 11.9 เท่าบนธุรกิจหลักของบริษัท และ Holding discount 40% จาก ITC) เทียบเท่า PER ที่ 13.7 เท่า นอกจากนี้เราประเมินว่าตลาดได้มองข้ามผลขาดทุนสุทธิในปี 2566 ที่จะเกิดขึ้นจากการด้อยค่า RL ไปแล้ว หลังราคาหุ้นไม่ได้ตอบรับเชิงลบ และมองว่าตลาดให้น้ำหนักกับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 2567 ที่จะกลับมาเติบโต YoY มากกว่า เราคงคำแนะนำ “ซื้อ”

- Advertisement -