บล.ฟินันเซีย ไซรัส: 

NGERN TID LOR (TIDLOR TB)

คาดกำไร 4Q23 จะไม่น่าประทับใจ

  • กำไรสุทธิ 4Q23 น่าจะยังได้รับปัจจัยกดดันจากผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามฤดูกาลที่เร่งตัวขึ้น
  • คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ พร้อมการตัดจำหน่ายหนี้ด้อยคุณภาพเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง
  • เราคงคำแนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 28 บาท

กำไร 4Q23 น่าจะลดลงจาก ECL และค่าใช้จ่ายที่ปรับขึ้น

เราคาดกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 928 ลบ. (7.8% q-q, +13.5% y-y) โดยมีปัจจัยถ่วงสำคัญประกอบด้วย 1) ECL และต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อที่สูงขึ้น; และ 2) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามฤดูกาลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงผลขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่องจากการขายรถยึด ในประมาณการ 4Q23 กำไรก่อนหักสำรองอยู่ที่ 1.98 พัน ลบ. (+1.9% q-q, +19.0% y-y) โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่คาดว่าจะปรับขึ้น (+4.5% q-q, +16.5% y-y) สินเชื่อน่าจะโตต่อเนื่องอีก 5.6% q-q และ 19.6% y-y จากสินเชื่อทะเบียนรถยนต์และ จักรยานยนต์ตามปัจจัยด้านฤดูกาล Spread น่าจะลดลง q-q เป็นจำนวน 13bp มาอยู่ที่ 14.95% พร้อมผลตอบแทนสินเชื่อที่ทรงตัวและต้นทุนในการระดมเงินกู้ที่ปรับขึ้น (อัตราการเพิ่มยังสอดคล้องกับเป้าประมาณการของบริษัทฯ ที่คาดว่าต้นทุนในการระดมเงินกู้ในช่วง 2H23 จะเพิ่มไม่เกิน 50bp) รายได้ค่านายหน้าจากการประกันภัยน่าจะโตต่อเนื่องตามเบี้ยประกันภัยรับรวมที่เพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายในปี 2023 อยู่ที่ 20-25% y-y

คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่จัดการได้ ต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น

ใน 4Q23 คุณภาพสินทรัพย์รวมยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ โดยคาดว่าสัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพจะค่อนข้างทรงตัว q-q ที่ 1.53% (ต่ำกว่าเป้าประมาณการของ TIDLOR ที่ไม่เกิน 1.80% อยู่มาก) อย่างไรก็ดี เราคาดว่าต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อจะเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญเป็น 3.52% (ประมาณการปี 2023 ของเราที่ 3.20% ยังสอดคล้องกับเป้าปี 2023 ของบริษัทฯ ที่ 3.00-3.35%) เพื่อรับมือกับการก่อตัวของหนี้ด้อยคุณภาพ ซึ่งส่วนมากมาจากสินเชื่อในโครงการพักชำระหนี้ (พอร์ตรวม 400-500 ลบ.) และหนี้ด้อยคุณภาพใหม่ในกลุ่มสินเชื่อทะเบียนยานยนต์ ในขณะที่หนี้ด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองเริ่มทรงตัวจากการควบคุมคุณภาพสินเชื่อและการบริหารเชิงรุก

มีมุมมองที่ระมัดระวังมากยิ่งขึ้นต่อแนวโน้มปี 2024

เราคงประมาณการปี 2023 ของเราแต่ปรับสมมติฐานกำไรปี 2024-25 เล็กน้อย พร้อมการเติบโตที่ 21% ต่อปี อย่างไรก็ดี เรามีมุมมองที่ระมัดระวังมากยิ่งขึ้นต่อแนวโน้มปี 2024 ส่วนมากจากผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่เพิ่มขึ้นจากอุปทานที่เกินดุลของรถมือสองซึ่งอาจเป็น Downside เชิงลบต่อประมาณการของเรา

คงคำแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 28 บาท

เราคงคำแนะนำซื้อที่ราคาปัจจุบัน หุ้นมีการซื้อขายต่ำกว่า -1SD ของค่า PIBV เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง ราคาเป้าหมายปี 2024 ของเราที่ 28 บาท (GGM) คิดเป็นค่า P/BV อยู่ที่ 2.39 (คาดผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหันระยะยาวอยู่ที่ 15.5% และ COE ที่ 10.2%)

 

- Advertisement -