บล.ทรีนีตี้:
ธนาคารกสิกรไทย – KBANK
- Upside/Downside +22% / Median Consensus 150 บาท
กำไร 4Q66 ใกล้เคียงคาด แต่แนวโน้มคุณภาพหนี้ยังไม่ดี
- กำไร 4Q66 อยู่ที่ 9,388 ล้านบาท อ่อนตัว 17%QoQ แต่เติบโต 194%YoY ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าเล็กน้อยราว 3%
- แม้กำไรใกล้เคียงคาด แต่ปัจจัยหนุนหลักมาจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย อาทิ กำไรจากเงินลงทุน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงกว่าคาด และสำรองหนี่สูงกว่าคาดเช่นกัน โดยสัดส่วน NPL และลูกหนี้ Stage2 ปรับตัวเพิ่มขึ้น
- ปรับประมาณการกำไรปี 67 ลง สะท้อนสำรองหนี้ที่อาจไม่ได้ลดเร็วอย่างที่คาด
- ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 157 บาท ในแง่ Upside ทำให้ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ในแง่คุณภาพหนี้มองว่ายังมีความเสี่ยงกว่าธนาคารใหญ่อื่น
กำไร 4Q66 ใกล้เคียงคาด แต่แนวโน้มคุณภาพหนี้ยังไม่ดี
KBANK ประกาศกำไร 4Q66 ที่ 9,388 ล้านบาท อ่อนตัว 17%QoQ แต่เติบโต 194%YoY ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าราว 3% แต่ในรายละเอียด ถือว่ามีความแตกต่างจากที่คาดไว้ก่อนหน้าพอสมควร เนื่องจากกำไรจากเงินลงทุนสูงกว่าคาด และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและสำรองหนี้สูงกว่าคาดเช่นกัน โดย NIM ยังปรับตัวขึ้นต่อราว 6 bps ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้รายได้ดอกเบียสทธิเติบโต 2%QoQ ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตถึง 32%QoQ โดยหลักมาจากกำไรจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนที่สูงถึง 4.1 พันล้านบาท (เดิมเราคาดต่ำกว่า 1 พันล้านบาท) ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 24%QoQ โดยหลักเป็นการเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายทางการตลาด และค่าใช้จ่ายทางด้าน IT ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้เพิ่มขึ้น 6% คิดเป็น Credit Cost ที่ 231 bps เนื่องจากสัดส่วน NPL เพิ่มขึ้นจาก 3.11% ใน 3Q66 มาอยู่ที่ 3.19% โดยเป็นผลจากลูกหนี้ในกลุ่มที่มีรายได้น้อยยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อ Stage-2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 7.3% เป็น 7.4% จากการจัดชั้นหนี้ของลูกหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่
ปรับประมาณการกำไรปี 67 ลง สำรองหนี้อาจไม่ได้ลดเท่าที่คาด
เราปรับประมาณการกำไรปี 2567 ลงราว 3% จากประมาณการก่อนหน้าเหลือ 43,709 ล้านบาท (+3%YoY) โดยเดิมเราได้สะท้อนแนวโน้มของ NIM ที่อาจจะอ่อนตัวลงจากต้นทุนเงินฝากประจำที่จะทยอยครบกำหนด และมีการ Repricing ไปแล้ว อย่างไรก็ตามแนวโน้มสำรองหนี้แม้ว่าอาจลดลงจากปี 2566 ที่มีแรงกดดันจากลูกหนี้รายใหญ่ได้บ้าง แต่การเพิ่มขึ้นของ NPL ล่าสุดใน 4Q66 ทำให้เรามองว่าการลดลงของสำรองอาจไม่ได้รวดเร็วอย่างที่คาดไว้ก่อนหน้า จึงปรับประมาณการ Credit Cost ในปี 2567 ขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 200 bps ทั้งนี้ในอาทิตย์หน้าจะมีการแถลงเป้าหมายทางการเงินของธนาคาร ซึ่งเราอาจมีการปรับประมาณการอีกครั้งหนึ่ง
ปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 157 บาท
จากการปรับลดประมาณการ ทำให้เราปรับราคาเป้าหมายปี 2567 ลงเหลือ 157 บาท อิง PBV 0.66 เท่า โดยในแง่ Upside ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่มองว่ายังมีความเสี่ยงมากกว่าธนาคารใหญ่อื่นในเชิงคุณภาพหนี้
ความเสี่ยง: การชะลอตัวของเศรษฐกิจ / คุณภาพหนี้ที่แย่ลง