KS Daily View 22.01.2024 >>> คาด SET ฟื้นตามหุ้นโลก แนะ Selective Buy หุ้นปัจจัยบวก คาดดัชนีฟื้นตัวในกรอบ 1,375-1,390 จุด หุ้นแนะนำ SNNP, AAV

สรุปภาวะตลาด

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +1.05%S&P500 +1.23% NASDAQ +1.70%; Dollar index -0.16% เป็น 103.239 และค่าเงินบาทปิดที่ 35.502; ราคาน้ำมันดิบ Brent Futures -0.68% เป็น 78.56/bbl; ราคาทองคำ +0.34% เป็น 2029.48/ounce;  US 10Yyield -0.031bps เป็น 4.1302%

ในประเทศ: SET Index +4.580 จุด หรือ +0.33% ปิดที่ 1382.51 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ TTB (+5.62%), SNNP (+3.53%), TRUE (+2.83%), KCE (+2.65%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ CRC (-5.37%), BTS (-4.23%), SJWD (-3.03%), DOHOME (-2.83%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,375-1,390 จุด คาดตลาดฟื้นตัวตาม sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังดัชนีS&P500 ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่หนุนโดยหุ้นกลุ่มเทคฯ จากความคาดหวังการเติบโตของอุตสาหกรรม AI อย่างไรก็ตามตลาดล่วงหน้าได้ลดความคาดหวังเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดเหลือเพียง 125bps. จากเดิมที่ 150bps. และลดโอกาสการลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. เหลือ 47%จากสัปดาห์ก่อนที่ 81% หลังตัวเลข Retail salesเดือน ธ.ค. ออกมาดีกว่าคาด สำหรับสัปดาห์นี้ High light สำคัญจะอยู่ที่ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ของสหรัฐฯ และตัวเลข Core PCE เดือน ธ.ค. สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือมีกำไร 4Q23 แข็งแกร่ง

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ติดตามกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เปิดแผนยุทธศาสตร์ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปี’67 เป้า 35 ล้านคน รายได้ 3 ล้านล้านบาท โดยมีเป้าหมายสำหรับตลาดหลัก ๆ ดังนี้คือ จีน 8 ล้านคน (ปี 2566 มี 3.52 ล้านคน) มาเลเซีย 5.5-5.6 ล้านคน (ปี 2566 จำนวน 4.56 ล้านคน) อินเดีย 2.5 ล้านคน (ปี 2566 จำนวน 1.62 ล้านคน) เกาหลีใต้เกิน 2 ล้านคน (ปี 2566 จำนวน 1.65 ล้านคน) รัสเซียเกิน 2 ล้านคน (ปี 2566 จำนวน 1.48 ล้านคน) ด้วย 1.) มาตรการวีซ่าฟรี ซึ่งปีนี้กระทรวงยังเดินหน้าผลักดันให้มีประเทศที่ยกเว้นวีซ่าเพิ่มขึ้น รวมถึงขยายเวลามาตรการวีซ่าฟรีสำหรับคาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน ออกไปอีก 2.) การส่งเสริมการตลาด (Promotion & Sale Strategy) โดยกระทรวงมีแผนทำโปรโมชั่นร่วม (Joint Promotion) กับสายการบิน เพื่อจูงใจและกระตุ้นให้สายการบินเพิ่มจำนวนที่นั่งสายการบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์)

2.) ติดตามประชุม ครม.สัญจร จ.ระนอง ระหว่างวันที่ 22-23 ม.ค.นี้ พร้อมรับฟังความเห็น-ชี้แจง โครงการ “แลนด์บริดจ์” ถึงแนวทางในการเดินหน้าโครงการดังกล่าวจากที่มีเสียงคัดค้านจากคนในพื้นที่

3.) ติดตามทิศทางราคาน้ำมันดิบโลก โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 2% WoW จากปัจจัยเรื่องความเสี่ยงอุปทานจากปัญหาในตะวันออกกลาง ปัญหาน้ำมันรั่วในลิเบีย และพายุฤดูหนาวในสหรัฐฯ ทำให้กำลังการผลิตประมาณ 40% บริเวณ North Dakota ยังคงหยุดตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมาถึงตอนนี้ ขณะที่ความกังวลบนเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวยังเป็นตัวกด

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ  1,375-1,404 จุด ในสัปดาห์นี้ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยให้ underperform ตลาดหุ้นโลก จากกำไร บจ. โตน้อย การชะลอตัวของจีนกระทบส่งออกและท่องเที่ยว มาตรการกระตุ้นภาครัฐไม่แน่นอนและปัญหาการ rollover หุ้นกู้ รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นจากการปรับลดโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยปัจจัยสำคัญที่จะต้องติดตามคือ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล และดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือน ธ.ค. ดัชนี PMI เดือนม.ค. (เบื้องต้น) รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ของสหรัฐฯ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ และ ECB ดัชนี PMI เดือน ม.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ รวมถึงการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือน ม.ค. ของจีน

หุ้นแนะนำวันนี้

SNNP (ราคาพื้นฐาน 25.60 บาท) คาดกำไรใน4Q23 ยังคงแข็งแกร่ง และมีลุ้นกลับมาทำจุดสูงสุดใหม่จาก High season ของตลาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ขณะที่โรงงานในเวียดนามได้เริ่มผลิตเต็มกำลังใน 4Q23 สำหรับโลตัสขาไก่ ขณะที่เบนโตะเดินเครื่องไปแล้ว 2/3 line โดยผู้บริหารยังคงเป้าหมายของยอดขายปี 2566 ที่เวียดนามที่ 800 ลบ. ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER ปี 2024 ที่21x (ต่ำกว่า -2SD)

AAV (ราคาพื้นฐานที่ 2.70 บาท) คาดกำไรใน 4Q23 ที่มีโอกาสฟื้นตัวมีกำไรจาก 3Q23 จากแรงหนุนจาก high seasonal tourism ใน 4Q23 ที่อาจส่งผลให้ load factor อยู่ในระดับสูง และการปรับค่าโดยสารเพิ่มขึ้น ภาพของกำไรในปี 2024 จะ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากมาตรการยกเว้น VISA และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตาม การประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Loan Prime Rate (LPR) ของธนาคารกลางจีน (PBOC) ระยะ 1 ปี และ 5 ปี ตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม 3.45% และ4.20% ตามลำดับ และช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขดัชนีชี้นำของสหรัฐฯ (CB leading index) สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาด -0.3% MoM จากเดือนก่อนหน้าที่ -0.5% MoM
  • วันอังคาร ติดตาม ผลการประชุมและตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)ในช่วงเช้าโดยตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ -0.10% ในช่วงบ่ายติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) ของยุโรปสำหรับเดือน ม.ค. โดยดัชนีอยู่ที่ -15 จุดในเดือนก่อนหน้า
  • วันพุธ ติดตาม ตัวเลขส่งออกของญี่ปุ่นสำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 6.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.2% YoY และติดตามตัวเลขภาคการผลิตเบื้องต้นของยุโรป (Flash manufacturing PMI)สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 45.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 44.4 จุด
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมัน (German ifo business climate) สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 87.5 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 86.4 จุด ต่อด้วยติดตามผลการประชุมธนาคารกลางของยุโรป (ECB)ตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50% ช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลข GDP ของสหรัฐฯสำหรับไตรมาส 4/2566 ตลาดคาดขยายตัวที่ +1.8% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ +4.9% และตัวเลขยอดขายสินค้าคงทน (Durable good orders) ของสหรัฐฯสำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ +0.9% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 5.4% MoM
  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนทั่วไป (Personal Consumption Expenditure – PCE) ของสหรัฐฯสำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.6% YoY และดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนพื้นฐาน (Core PCE)ตลาดคาดทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.2% YoY ต่อด้วยตัวเลขยอดขายบ้านรอปิดการขายของสหรัฐฯสำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาด -3.4% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -5.2% YoY
- Advertisement -