บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

SCB X (SCB.BK/SCB TB)*

ผลประกอบการ 4Q66: กลับมาทำกำไรได้ดีขึ้น

Event

กำไรสุทธิของ SCB ใน 4Q66 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท (+13% QoQ, +57% YoY) สูงกว่า consensus 21% และสูงกว่าประมาณการของเรา 35% เนื่องจาก NII ที่เร่งตัวขึ้นช่วยให้ NIM เพิ่มขึ้นจากการเร่งชำระคืนหนี้เป็นกรณีพิเศษ และ credit cost ต่ำกว่าที่คาดไว้ ทั้งนี้ กำไรสุทธิเต็มปี 2566 อยู่ที่ 4.35 หมื่นล้านบาท (+16%)

Impact

สินเชื่อที่ขยายตัวส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อกลุ่มใหม่ที่ดำเนินการโดยบริษัทย่อย

สินเชื่อรวมลดลง 1% แต่เพิ่มขึ้น 2% YoY ซึ่งสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มใหม่ Gen2 ที่ดำเนินการโดย CARDX และ AutoX ซึ่งยอดสินเชื่อรวมของสองบริษัทนี้อยู่ที่ประมาณ 1.74 แสนล้านบาท (+5% QoQ และ +27% YoY) หรือประมาณ 7% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นธุรกิจใหม่ yield สินเชื่อจึงสูงถึง >15% และธนาคารระบุว่าการดำเนินงานของบริษัทย่อยทั้งสองนี้พลิกเป็นกำไรแล้ว (กำไร/ขาดทุน ขึ้น ๆ ลง ๆ ตาม credit cost ในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา) ในขณะเดียวกันสินเชื่อธุรกิจลดลง 4% QoQ และ 2% YoY

มาร์จิ้นดีขึ้น แต่ค่าธรรมเนียมหดตัวแรง

NIM โดยรวมเพิ่มขึ้น 22bps QoQ และ 40bps YoY นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าบางรายที่เร่งชำระคืนหนี้ก่อนกำหนดเป็นพิเศษใน 4Q66 และ yield สินเชื่อดีขึ้นจากการขยายสินเชื่อในกลุ่มที่ yield สูง อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมยังคงอ่อนแอ -6% QoQ และ -5% YoY ใน 4Q66 และ ลดลง 2% ในปี 2566 ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมจากประกันลดลงมากที่สุด -31% QoQ และ -24% YoY ใน 4Q66 และ -24% ในปี 2566

คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นเล็กน้อย

หลังจากที่ต้องเจอกับ NPL ก้อนใหญ่จากสินเชื่อปลอดหลักประกัน ซึ่งบีบให้ธนาคารต้องกำหนด credit cost ในระดับสูงใน 3Q66 สถานการณ์กลับมาดีขึ้นใน 4Q66 โดยธนาคารเร่ง write-off หนี้เสียออกไป 1.4 หมื่นล้านบาทใน 4Q66 และ 3.4 หมื่นล้านบาทในปี 2566 โดยใน 4Q66 gross NPL เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1% QoQ และ 2% YoY ซึ่งส่วนใหญ่เป็น NPL จากสินเชื่อ SME, สินเชื่อจดจำนอง และ สินเชื่อ H/P

คงคำแนะนำถือ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567F ที่ 130 บาท

ผลการดำเนินงานของ SCB ดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถตัดหนี้เสียที่เพิ่มเข้ามามากในไตรมาสก่อน (ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อปลอดหลักประกัน) ในขณะเดียวกัน SCB บันทึกการชำระดอกเบี้ยพิเศษจากลูกค้าบางราย ซึ่งทำให้ NII และ NIM พุ่งสูงขึ้น สำหรับในระยะต่อไป ธนาคารมองว่าสินเชื่อจะเร่งตัวขึ้น 3-5% ในปี 2567 และ NIM จะดีขึ้น โดยคาดว่า credit cost จะอยู่ที่ 160-180bps อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าภาวะเศรษฐกิจอาจจะทำให้ NPL ของสินเชื่อผู้บริโภคผันผวน ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำถือ และประเมินราคาเป้าหมายปี 2567F ที่ 130 บาท (PBV ที่ 0.85x)

Risks

ผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาเพิ่มขึ้น, รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง, credit cost เพิ่มขึ้น

- Advertisement -