บล.พาย:
STANLY: Thai Stanley Electric PCL
ผลประกอบการยังดี แต่ราคาขึ้นมากแล้ว
เราปรับคำแนะนำลงเหลือเพียง “ถือ” เนื่องจากราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นปี จนทำให้มีส่วนต่างกับมูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินไว้ที่ 225 บาท (10XPER’24E) เหลือเพียง 1% ขณะที่ผลประกอบการงวด FY3Q24 เราคาดกำไรสุทธิที่ 450 ล้านบาท (+20%YoY, -7%QoQ) การเพิ่มขึ้นแรงจากปีก่อนเป็นผลจากการที่ลูกค้าหลักอย่าง HONDA มีการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตได้แล้ว เห็นได้จากยอดขายรถยนต์ช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 13%YoY สำหรับอนาคตเราคาดว่าบริษัทยังเป็นผู้ประกอบการที่มีโอกาสรับงานจากการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศ ทั้งจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นหรือค่ายรถยนต์จากจีน ทำให้มีความเสี่ยงต่ำในการรับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว
FY3Q24 คาดกำไรสุทธิ 450 ล้านบาท (+20%YoY)
- เราคาดกำไรสุทธิงวด FY3Q24 (ต.ค.-ธ.ค.23) ที่ 450 ล้านบาท (+20%YoY, -9%QoQ) การลดลงจาก FY2Q24 เพราะไม่มีเงินปันผลรับเข้ามา
- รายได้คาดไว้ที่ 3,710 ล้านบาท (+3%YoY, -1%QoQ) การเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เป็นผลจากลูกค้าหลักอย่าง HONDA มีการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนชินส่วนการผลิตได้แล้ว รวมถึงยอดขายรถยนต์ในช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้นได้กว่า 13%YoY ส่วนเทียบกับไตรมาสก่อนลดลงเล็กน้อยเพราะเป็นช่วงที่มีวันหยุดค่อนข้างมาก
- กำไรขันต้นคาดที่ 18% ดีขึ้นจาก 17% ใน FY3Q23 และ 16.3% ใน FY2Q24 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสินค้าใหม่มีมูลค่าต่อชินสูงขึ้น โดยเฉพาะ Mitsubishi รุ่น Triton สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดไว้ที่ 278 ล้านบาท ใกล้เคียงกับทั้ง FY3Q23 และ FY2Q24
- รายได้อื่นรวมที่ 59 ล้านบาท (+33%YoY, -67%Q0Q) การลดลงแรงจากไตรมาสก่อนเพราะไม่มีเงินปันผลรับจำนวน 126 ล้านบาทเหมือนที่รับรู้ช่วง FY2Q24 ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดไว้ที่ 96 ล้านบาท (-8%YoY, +10%QoQ)
EV ที่จะมาไทย STANLY มีโอกาสได้รับเพิ่ม
สำหรับการเข้ามาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ปี 24 จะเริ่มเห็นการผลิตในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์จากจีน เราคาดว่าด้วยการที่ STANLY เป็นผู้นำในกลุ่มผู้ผลิตชุดโคมไฟในประเทศจะมีโอกาสได้รับคำสั่งเข้ามาในอนาคต นอกจากนี้ในส่วนของผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นอย่างเช่น HONDA ที่มีการเริ่มผลิตรถยนต์ EV ในประเทศแล้ว โดยที่ผ่านมารถยนต์พลังงานเดิมเป็นลูกค้าหลักของ STANLY ทำให้เมื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็มีโอกาสที่ STANLY จะได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาต่อไประยะยาวยังดูดี แต่ราคาหุ้นขึ้นมามากแล้ว แนวโน้มในช่วง FY4Q24 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี ซึ่งเป็นผลตามฤดูกาลที่ลูกค้าหลักจะมีการเร่งคำสังซื้อเพื่อปิดปีบัญชี รวมถึงคำสั่งซื้อที่ต้องเร่งส่งมอบจากการจองในงาน Motor Expo ที่ผ่านมา โดยเรายังคงประมาณการกำไรทั้งปี 24 ไว้ที่ 1,724 ล้านบาททรงตัวจากปี 23 เพราะช่วง FY1Q24 มีฐานกำไรที่ต่ำ อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากำไรในปี 25 (เม.ย.24-มี.ค. 25) จะกลับมาเติบโต 8%YoY อยู่ที่ 1,861 ล้านบาท สำหรับคำแนะนำการลงทุน ระยะสั้นราคาหุ้นปรับขึ้นมาจนเหลือส่วนต่างกับมูลค่าเหมาะสมปี 24 ที่เราประเมินไว้ที่ 225 บาท (10XPER’24E) เพียง 1% เราจึงปรับคำแนะนำเหลือเพียง “ถือ” ก่อน แต่อาจจะมีการปรับคำแนะนำ หลังประชุมกับบริษัทช่วงกลางเดือน ก.พ. อีกครั้ง