บล.ฟิลลิป:

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร – KKP เน้นคุณภาพ ไม่จำเป็นต้องเร่งโต

Key Point

พอร์ตสินเชื่อโตในระดับที่มี Economy scale แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งโตอีก จะเน้นคุณภาพ และผลตอบแทนที่คุ้มความเสี่ยงมากขึ้น โดยตั้งเป้าสินเชื่อโต 3% จากปีก่อนที่สินเชื่อโต 5.2% NPL ในปีนี้อาจจะเพิ่มสูงขึ้นได้ แต่ผลขาดทุนรถยึดที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กำไรปี 66 ลดลงจะน้อยลง ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 67 และเงินปันผลไว้ อย่างไรก็ตามความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินทุนในการปล่อยสินเชื่อน้อยลง อาจจะทำให้ KKP มีการปรับ Dividend pav out ratio ขึ้น คงราคาพื้นฐาน 49 บาท แนะนำ “ทยอยซื้อ”

พอร์ตสินเชื่อที่มีอยู่โตพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเร่งโต

ณ สิ้นปี 66 KKP มีสินเชื่ออยู่ 4 แสนลบ. ซึ่งทางผู้บริหารมองว่าใหญ่เพียงพอที่จะได้ประโยชน์จาก Economy of scale แล้ว ไม่จำเป็นต้องเร่งการเติบโตอีก โดยจะเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่มีคุณภาพดี และมีความคุ้มกับความเสี่ยงที่ได้รับ โดยในปี 67 ตั้งเป้าที่จะปล่อยสินเชื่อเพิ่มประมาณ 3% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าปี 66 ที่ KKP มีสินเชื่อเติบโต 5.2% ซึ่ง KKP เป็นธนาคารที่มีสินเชื่อเติบโตมาก ที่สุดในปี 66

NPL ปี 67 อาจจะเพิ่มสูงขึ้น

ใน 4Q66 KXP มี NPL ลดลงเหลือ 3.2% จาก 3Q66 ที่มี NPL อยู่ 3.5% เนื่องจากตีทรัพย์ชำระหนี้ของลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่ง อย่างไรก็ตามทาง KKP คาดว่า NPL ในปี 67 อาจจะเพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าจะอยู่ในช่วง 3.5 – 3.7% เนื่องจากมีลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งที่มีความเป็นไปได้ที่จะถูกจัดชั้นเป็น NPL จากที่ในขณะนี้ยังชำระหนี้ได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามทาง KKP ได้มีการตั้งสำรองเต็มจำนวนในลุกค้ารายนี้ไว้แล้ว และจะไม่มีผลกระทบต่อผลประกอบการหากจัดชั้นลูกค้ารายนี้เป็น NPL

ผลขาดทุนจากการรถยึดจะดีขึ้น

ผลประกอบการของ KKP ปี 66 ที่มีกำไร 5.4 พันลบ. ซึ่งลดลงจากปี 65 ที่มีกำไร 7.6 พันลบ. หรือลดลง 28.4% y-y เหตุผลสำคัญที่ทำให้กำไรลดลงมาจากผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่เพิ่มขึ้นสูงมาก โดยเพิ่มขึ้นจาก 1.5 พันลบ. ในปี 65 เป็น 4.8 พันลบ. ในปี 66 แต่ปี 67 ผลขาดทุนนี้จะยังคงมีอยู่แต่จะลดลง เนื่องจากผลขาดทุนส่วนใหญ่เกิดจากสินเชื่อที่ปล่อยในปี 64 ซึ่งในปี 67 สินเชื่อกลุ่มนี้ในรายที่ชำระปกติก็จะไม่มีปัญหา หรือในรายที่มีปัญหาก็จะถูกตัดสูญออกไป

คงประมาณการ และราคาพื้นฐาน KKP อาจมีการปรับ Dividend payout ratio ขึ้น

ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 67 ของ KKP ไว้ที่ 6.2 พันลบ. เพิ่มขึ้น 13.3% y-y คาดว่าปี 66 KKP จะมีการจ่ายปันผล 2.55 บาท/หุ้น ส่วนปี 67 คาดว่าจะจ่าย 2.90 บาท/หุ้น ตามลำดับ ซึ่งคิดเป็น Div. yield 5.4% และ 6.2% ตามลำดับ อย่างไรก็ตามทาง KKP อาจจะมีการปรับ Dividend pay out ratio ขึ้น หลังจากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินกองทุนในการเติบโตมากเหมือนในปีก่อน ๆ คงราคา พื้นฐาน 49 บาท แนะนำ “ทยอยซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย
  2. ความเสี่ยงด้านเครดิต
  3. การเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน
- Advertisement -