บล.บัวหลวง:
SCGP – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
What’s new?
ประเต็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ยืนยันมุมมองเชิงบวกของเราต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานและแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท
Highlights:
- อุปสงค์บรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและ ASEAN มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในปี 2024 นอกจากนั้นอุปสงค์จากภาคส่งออกคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ในขณะที่อุปสงค์กระดาษบรรจุภัณฑ์ทั้งในจีนและอินโดนีเซียมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ในอินโดนีเซียผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน ต.ค. 2023 และเริ่มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องมาใน 1Q24
- ในต้านต้นทุน ต้นทุนวัตถุดิบ (เศษกระดาษ) มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ จากอุปสงค์และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้นทุนเศษกระดาษของ SCGP จะไม่เพิ่มขึ้นมากเท่ากับอุตสาหกรรม เพราะบริษัทใช้วัตถุดิบจากภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ต้นทุนพลังงานมีแนวโน้มทรงตัว ทั้งนี้บริษัทจะพยายามปรับราคาขายกระดาษบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น (แต่อาจมี lag time บ้าง)
- บริษัทจะยังคงดำเนินกลยุทธ์ขยายการเติบโตจากการ M&P (Merger & Partnership) โดยมุ่งเน้นการเพิ่ม integration ไปสู่ธุรกิจปลายน้ำมากขึ้นทั้งในส่วนของบรรจุภัณฑ์จากกระดาษและบรรจุภัณฑ์จากพลาสติก โดยมุ่งเน้นสินทรัพย์ใน ASEAN รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการทำ M&P ในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น medical-related, bio-solutions, foodservices
- บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 1.5 แสนล้านบาท (ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา) และตั้งเป้าหมายลดต้นทุน 1 พันล้านบาทในปีนี้ (จะเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรปี 2024 ของเราราว 8%]
- สถานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่ง (อัตราส่วน net debt/EBITDA ที่เพียง 1.8 เท่า [เทียบกับระดับนโยบายที่ 3 เท่า] และเงินสดในมือ 1.7 หมื่นล้านบาท ณ สิ้น 4Q23) SCGP จึงมีความพร้อมสำหรับการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายการเติบโตในอนาคต ทั้งนี้บริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับปี 2024 ไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท (ไม่รวมงบสำหรับการซื้อหุ้น Fajar 2.3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับ potential partner)
View From Fundamental:
แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2024 ของ SCGP ที่ดีขึ้นน่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากนี้อาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไร และมูลค่าหุ้นจากการลงทุนและ/หรือการเข้าซื้อกิจการใหม่ เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 58 บาท)