บล.เอเซีย พลัส:
TASCO รองบประมาณภาครัฐ
ธุรกิจยางมะตอยในประเทศช่วง 4Q66 ซบเซาเพราะงบประมาณภาครัฐยังต้องรอการเห็นชอบจากสภาฯ ขณะที่ธุรกิจต่างประเทศทำได้ดีในบางประเทศ โดยรวมทำให้ปริมาณการขายยางมะตอยไตรมาสนี้ลดลงจาก 3Q66 เล็กน้อย ด้านอัตรากำไรประเมินอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม แต่น่าจะมีการโอนกลับหนี้สูญคืนมาได้บางส่วน จึงประเมินกำไรสุทธิงวด 4Q66 ไว้ที่ 237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%QoQ ทิศทางธุรกิจปีนี้มีความหวังมากขึ้นโดยเฉพาะตลาดในประเทศที่น่าจะเติบโตเด่น หลังงบประมาณแผ่นดินปี 2567 เริ่มเบิกจ่าย ส่วนตลาดต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ ประเด็นความเสี่ยงหลักๆยังคงเป็นเรื่องการหา Feedstock ให้น้ำหนักลงทุน Neutral ประเมิน Fair Value อิง Historical PBV ได้ที่ 22.30 บาท
คาด 4Q66 กำไรสุทธิ 237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%QoQ
ภาพรวมผลประกอบการ 4Q66 ไม่เด่น คาดปริมาณการขายยางะตอยรวม 2.5 แสนตัน ลดลงเล็กน้อยจากงวด 3Q66 ที่มีปริมาณการขาย 2.6 แสนตัน ตลาดยางมะตอยในประเทศยังคงซบเซาเพราะต้องรอเงินงบประมาณแผ่นดินปี 2567 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่งานในมือของผู้รับเหมาซ่อม/สร้างถนนลดลงอย่างมาก คาด TASCO จะมีปริมาณการขายยางมะตอยในประเทศลดลงเหลือเพียง 6.5 หมื่นตัน ต่ำสุดในรอบ 12 ปี ขณะที่ปริมาณการขายยางมะตอยในตลาดต่างประเทศยังทำได้ดี โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ที่เป็น High Season ในการก่อสร้างถนน แม้ว่า Demand ยางมะตอยในประเทศจีนซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศส่งออกสำคัญของ TASCO จะลดลงในช่วงฤดูหนาว แต่โดยรวมคาดไตรมาสนี้ TASCO จะมีปริมาณการส่งออกยางมะตอยสูงถึง 1.85 แสนตัน ถือเป็นไตรมาสที่มีปริมาณส่งออกสูงสุดของปี 2566 ด้านอัตรากำไรธุรกิจยางมะตอย ประเมินจะทำได้ใกล้เคียงกับงวด 3Q66 ที่ 8.2% แม้ราคายางมะตอยจะมีทิศทางปรับตัวลดลง แต่การขายส่วนใหญ่ของ TASCO มาจากการซื้อยางมะตอยจากโรงกลั่นในภูมิภาคไปขายต่อ ซึ่งบวกกำไรแบบ Cost Plus
Margin อีกทั้งไตรมาสนี้ TASCO น่าจะมี Hedging Gain จากสัญญาขายน้ำมันใสล่วงหน้าก่อนที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะปรับตัวลดลง
สำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถนน เชื่อว่า TASCO จะมีรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาท และ Gross Margin ใกล้เคียงกับงวด 3Q66 ที่ 5.6% เนื่องจากโครงการสร้างรันเวย์ 3 สนามบินสุวรรณภูมิ ยังอยู่ในช่วงการรับรู้รายได้งานปูผิวถนน (paving) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ให้ margin สูง อย่างไรก็ตามกำไรจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ถือว่ามีสัดส่วนน้อยมากและแทบไม่มีผลต่อผลประกอบการในภาพรวม รายการพิเศษที่เกิดขึ้นในไตรมาสนี้ น่าจะมีการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญคืนบางส่วนจากการติดตามหนี้คืนกลับมาได้ ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรสุทธิในงวด 4Q66 จะทำได้ 237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%QoQ เพราะ 3Q66 TASCO มีการรับรู้ Hedging Loss จำนวน 114 ล้านบาท แต่หากเปรียบเทียบกับงวด 4Q65 จะเห็นกำไรลดลง 78%YoY เนื่องจากในงวด 4Q65 TASCO แสวงหาโอกาสในการทำกำไรเพิ่มเติมจากนำเข้ายางมะตอยจากเกาหลีใต้และยุโรปที่มีราคาต่ำ เข้ามาขายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีราคาขายสูงกว่ามาก ทำให้มีปริมาณการจำหน่ายยางมะตอยและอัตรากำไรที่สูงกว่างวด 4Q66 อย่างมีนัยสำคัญ
แนวโน้ม 1Q67 ยังไม่เด่น จุดเปลี่ยนน่าจะเกิดขึ้นใน 2Q67
ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าผลประกอบการของ TASCO ยังคงอยู่ในระดับต่ำจนกว่างบประมาณแผ่นดินปี 2567 จะเริ่มเบิกจ่าย ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 2Q67 เป็นต้นไป ส่งผลให้ช่วงพีคซีซั่นของธุรกิจยางมะตอยในประเทศจะเริ่มต้นอีกครั้งใน
2Q67 ต่อเนื่องไปถึง 3Q67 โดยงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่รับผิดชอบการก่อสร้างและซ่อมแซมถนนได้แก่ กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทปรับตัวสูงขึ้น 2.3%YoY อยู่ที่ 169,754 ล้านบาท และหากเจาะลึกถึงงบประมาณที่เกี่ยวกับงานซ่อมบำรุงถนน พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 20%YoY ถือเป็นผลบวกโดยตรงต่อ TASCO ที่มีฐานลูกค้าหลักเป็นผู้รับเหมางานซ่อมแซมถนน ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยพบความสัมพันธ์ทางตรงระหว่างปริมาณการใช้ยางมะตอยในประเทศกับงบประมาณที่กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทได้รับ และหากการจัดทำงบประมาณแผ่นดินปี 2568 เป็นไปตามกำหนด ก็จะมีการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐต่อเนื่องในเดือน ต.ค 67 ไปถึง 1Q68 ทำให้ปี 2567 จะเป็นปีพิเศษสำหรับธุรกิจยางมะตอยที่จะมีช่วงพีคซีซั่นยาวนานกว่าปีอื่นๆ
สำหรับปี 2567 TASCO ตั้งเป้าปริมาณการขายยางมะตอยอยู่ที่ 1.25-1.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่คาดว่าจะมีปริมาณการขายยางมะตอยรวม 1.12 ล้านตัน ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายในประเทศเป็นหลัก สำหรับตลาดส่งออกยางมะตอยยังคงมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการจัดหา Feedstock ป้อนให้กับโรงกลั่นยางมะตอยของ TASCO ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบัน TASCO ยังไม่สามารถกลับไปซื้อ Crude จากเวเนซูเอลาได้ แม้ว่าสหรัฐจะผ่อนคลาย Sanction เวเนซูเอลาเป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่ 18 ต.ค. 66 ก็ตาม เพราะยังมีข้อจำกัดหลาย ด้านทั้งด้านราคาและเทอมการชำระเงิน รวมไปถึงปริมาณ Crude จากเวเนซูเอลาที่มีออกมาอย่างจำกัด แนวทางที่ TASCO นำมาใช้ในปี 2567 คือการหา Alternative Feedstock ทั้ง Crude และ Residue เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเข้าไปทำข้อตกลงกับโรงกลั่นอื่นในภูมิภาคเพื่อขอซื้อยางมะตอยให้มากที่สุด
น้ำหนักการลงทุน Neutral ราคาเหมาะสม 22.30 บาท
แม้ทิศทางผลประกอบการในระยะสั้นยังคงไม่โดดเด่น แต่มุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจยางมะตอยในประเทศซึ่งเป็นตลาดที่ให้ margin สูง ที่น่าจะกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง ใน 2Q67 เป็นต้นไป สนับสนุนให้การลงทุนหุ้น TASCO สร้างผลตอบแทนได้ดีในระดับเดียวกับ SET Index จึงให้น้ำหนักลงทุน Neutral ประเมิน Fair value อิง PBV 2.06 เท่า ได้ 22.30 บาท คาดหวัง Dividend Yield ได้มากกว่า 7% ต่อปี
การดำเนินการด้าน ESG ของ TASCO
กลุ่มทิปโก้แอสฟัลท์ประกอบธุรกิจหลายด้านได้แก่ ธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจผลิตยางมะตอยในประเทศ ธุรกิจผลิตยางมะตอยในต่างประเทศ ธุรกิจผลิตยางมะตอยระหว่างประเทศ ธุรกิจเรือขนส่ง และธุรกิจก่อสร้าง ได้มีการกำหนดเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรพัฒนาอย่างยั่งยืนไว้ในเป้าหมายกลยุทธ์ขององค์กร โดยกำหนดโครงสร้างการกำกับดูแลตั้งแต่ระดับคณะกรรมการบริษัทไปจนถึงพนักงานทุกคน และได้ระบุบทบาทความรับผิดชอบ ความถี่ เพื่อให้สามารถตรวจสอบผลการปฏิบัติงานด้านความยั่งยืนได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ในการติดตามการดำเนินงาน โดยมีการกำหนดประเด็นความยั่งยืนที่สำคัญจากปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอก ผ่านการสอบถามความคิดเห็นจากกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียภายใน/ภายนอกองค์กร และจัดลำดับความสำคัญเพื่อนำมาใช้ในลำดับการวางแผนละดำเนินการตั้งรับ รวมถึงบริหารจัดการประเด็นสำคัญอย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม รวมถึงด้านธรรมาภิบาลและการพัฒนาบุคลากร โดยมีหัวข้อหลัก 9 ประเด็น และหัวข้อรอง 12 ประเด็น พร้อมตัวอย่างแผนปฏิบัติการดังนี้
มิติด้านเศรษฐกิจ : ใช้หลักความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ( INNOVATION LEADER) เพื่อความเป็นเลิศด้านผิวถนนซึ่งเป็น CORE BUSINESS ของบริษัท โดยการสร้างและส่งเสริมวัฒนธรรมนวัตกรรมภายในองค์กร และการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า จะนำมาซึ่งผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัท อาทิ การจัดประกวดโครงการนวัตกรรมภายในบริษัท การกำหนดสัดส่วนตลาดสินค้าใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งจำนวนรายการและยอดขายเพิ่มขึ้นทุกปี
มิติด้านสิ่งแวดล้อม : ใช้หลักการบริหารแบบประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (ECO-EFFICIENCY) ครอบคลุมด้านการบริหารจัดการมลพิษและการหกรั่วไหลการบริหารจัดการของเสีย และการบริหารจัดการพลังงาน โดยมีการกำหนด เป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวเพื่อวัดผลอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ก๊าซซัลเฟอร์ออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ ฝุ่นระลองรวม ระดับเสียงปริมาณน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดและนำกลับมาใช้ใหม่
มิติด้านความปลอดภัย : ยึดหลักการตระหนักด้านความปลอดภัย ครอบคลุมสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน สุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้า และความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าทางถนน ด้วยการเสริมสร้างจิตสำนึกและ
ปลูกฝังวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยผ่านการฝึกอบรมพนักงาน จัดสภาวะแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย จัดหาอุปกรณ์ป้องกันด้านสุขอนามัย และมีการระบุจุดเสี่ยงและจุดบังคับจอดในเส้นทางขนส่งสินค้าที่มีความสำคัญให้พนักงานส่งสินค้าสามารถวางแผนการเดินทาง การหยุดพัก และการเตรียมความพร้อมของรถและพนักงานขับรถ เป็นต้น