บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
SCG Packaging (SCGP)
การฟื้นตัวของกำไรในปี 2567 ยังถูกจำกัดจากปัจจัยมหภาค
- Action TRADING (Maintain)
- TP upside (downside) +9.7%
- Close Jan 23, 2024 Price (THB) 31.00
- 12M Target (THB) 34.00
- Previous Target (THB) 38.25
กำไร 4Q66 ต่ำกว่าคาด 10%
SCGP รายงานกำไรสุทธิ 4066 ที่ 1,218 ล้านบาท (-8% QoQ, +171% YoY) หากหักรายการพิเศษออกกำไรปกติอยู่ที่ 1,215 ล้านบาท (-7% QoQ, +94% YoY) ต่ำกว่าที่เราคาด 10% จากรายได้รวมที่ต่ำกว่าคาด และค่าใช้จ่ายทางภาษีที่สูงกว่าคาด ส่งผลให้กำไรสุทธิและกำไรปกติปี 2566 อยู่ที่ 5,248 ล้านบาท (-10% YoY) และ 5,146 ล้านบาท (-11% YoY) ตามลำดับ โดยกำไร 4Q66 ที่ลดลง QoQ มีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายทางภาษีที่ 325 ล้านบาท (+42% QoQ, +46% YoY) หลังธุรกิจในอินโดนีเซียขาดทุนน้อยลง อย่างไรก็ตาม กำไรปกติสามารถฟื้นตัว YoY แม้ถูกกดดันจากค่าใช้จ่าย SG&A และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 17.9% (เทียบกับ 14.6% ใน 4Q65) หลังต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานปรับตัวลง ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มีการประกาศจ่ายปันผลงวด 2H66 ในอัตรา 0.30 บาท/หุ้น (Dividend Yield 1.0%, XD 2 เม.ย.)
แนวโน้มกำไร 1Q67 ยังอ่อนแอ
เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 1Q67 ที่ระดับ 1,200-1,250 ล้านบาท +/- ทำได้เพียงทรงตัว QoQ แม้คาดได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของระดับการบริโภคในไทยและอินโดนีเซีย (ผลจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการเข้าสช่วงเลือกตั้ง) เพราะได้รับผลกระทบจาก 1) ภาคการผลิตจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ และทำให้การฟื้นตัวของปริมาณขายทำได้จำกัด (โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่เน้นการส่งออกสินค้าไปจีน เช่น เวียดนามและอินโดนีเซีย) และ 2) สถานการณ์ความไม่สงบในทะเลแดงส่งผลให้ค่าขนส่งระหว่างประเทศทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบ (บริษัทฯ นำเข้าวัตถุดิบบางส่วนจากต่างประเทศ) และค่าใช้จ่ายในการขายของบริษัทฯ (ส่งสินค้าไปขายต่างประเทศ) ขณะที่ YoY คาดสามารถฟื้นตัวได้จากฐานที่ต่ำหลังต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานปรับตัวลง
ปรับกำไรปี 2567-68 ลง หลังกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่เราเคยประเมินไว้
เราปรับกำไรปี 2567-68 ลง 12% เป็น 5,418 ล้านบาท (+5% YoY) และ 5,929 ล้านบาท (+9% YoY) ตามลำดับ จาก 1) ปรับสมมติฐานรายได้ปี 2567-68 ลงเป็น 1.40 แสนล้านบาท และ 1.45 แสนล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ช้ากว่าที่เราประเมินไว้ 2) ปรับสมมติฐานค่าใช้จ่าย SG&A ปี 2567-68 เป็น 1.73 หมื่นล้านบาท และ 1.78 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อนค่าขึ้นส่งระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงและ 3) ปรับสมมติฐานต้นทุนทางการเงินปี 2567-68 ขึ้นเป็น 2,021 ล้านบาท และ 1,764 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนต้นทุนทางการเงินที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง
ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 34.00 บาท/หุ้น…คงคำแนะนำ “TRADING”
ผลจากการปรับประมาณการลงและการปรับ EV/EBITDA ที่ใช้ประเมินมูลค่าลงเป็น 10.5 เท่า (ค่าเฉลี่ยกลุ่มบรรจุภัณฑ์และสินค้าอุปโภคบริโภค รวมพรีเมียม 4% จาก Yuanta ESG Rating ระดับ AAA) ทำให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 34.00 บาท/หุ้น แม้เรามองว่ากำไรของ SCGP ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2566 แต่คาดการฟื้นตัวของกำไรในระยะสั้น-กลางจะยังคงถูกจำกัดจากปัจจัยมหภาคเช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และสถานการณ์ในทะเลแดง จึงคงคำแนะนำ “TRADING” เชิงกลยุทธ์ หากยังไม่มีสถานะ แนะนำชะลอการลงทุน โดยอาจพิจารณาลงทุนอีกครั้งหลังเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน (เช่นเริ่มเห็นตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือรัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่ เป็นต้น)