บล.บัวหลวง: 

Bank – คาดกำไรฟื้นตัว QoQ (NEUTRAL)

กลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำ คาดจะรายงานกำไรไตรมาส 1/67 ที่เติบโต 2% YoY (จาก NIM ที่ขยายตัว) และ 20% QoQ (การตั้งสำรองและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง) นอกจากนี้คุณภาพสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่ง โดยเราชอบ BBL และ SCB มากที่สุด

คาดกำไรไตรมาส 1/67 แข็งแกร่ง YoY และขึ้น QoQ

เราคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ของธนาคารรวมที่ 5.13 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YOY (NIM ที่สูงขึ้น) และ 20% QoQ (การตั้งสำรองที่ลดลงและอัตราส่วนค่าใช้จ่าย/รายได้เฉลี่ยที่ลดลง) เราคาด NIM ของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำเฉลี่ยที่ 3.56% ในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 38bps YoY (อัตราผลตอบแทนสินเชื่อเฉลี่ยที่สูงขึ้น] แต่ลดลง 4bps QoQ (ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น)

การขยายตัวของ NIM จะกลบผลกระทบของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง การตั้งสำรองหนี้ที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น เราคาดรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยรวมในไตรมาส 1/67 ที่ 4.15 หมื่นล้านบาท ลดลง 17% YoY และ 6% QoQ โดยหลักมาจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่ลดลง เราคาดอัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้ต่อสินเชื่อเฉลี่ยที่ 1.53% เพิ่มขึ้น 5bps YoY แต่ลดลง 26bps QoQ (KKP KTB และ TTB มีการตั้งสำรองเพิ่มเติมในไตรมาส 4/66) เราคาดอัตราส่วนค่าใช้จ่าย/รายได้เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำที่ 44.36% เพิ่มขึ้น 160bps YoY แต่ลดลง 466bps QoQ (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงตามฤดูกาล) เรามองว่าสินเชื่อรวมสิ้นเดือน มี.ค. 2567 จะอยู่ที่ 12.1 ล้านล้านบาท ทรงตัว YoY และ QoQ

BBL TTB และ SCB จะเป็นผู้นำการเติบโตของกำไร YoY ในไตรมาส 1/67 เราคาด BBL จะรายงานการเติบโต YOY ของกำไรสุทธิมากที่สุดที่ 12% YoY จาก NIM ที่สูงขึ้น และการตั้งสำรองที่ลดลง (และเพิ่มขึ้น 27% QoQ จากอัตราส่วนค่าใช้จ่าย/รายได้ที่ลดลง) ตามด้วย TTB ที่ 11% YoY หนุนจาก NIM ที่ขยายตัวขึ้น (ลดลง 2% QoQ จากที่เราคาดว่าทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการตั้งสำรองจะลดลง QoQ แต่ไม่คิดว่า TTB จะใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีในไตรมาส 1/67) เราคาด SCB จะรายงานกำไรสุทธิที่เติบโต 4% YoY (NIM ที่ขยายตัวขึ้น) และ 4% QoQ (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง) ในทางตรงกันข้าม เราคาด KKP จะมีกำไรลดลง 40% YoY จากขาดทุนจากการขายรถยึด (เติบโต 87% QoQ จากการตั้งสำรองที่ลดลงและการขาดทุน QoQ ที่น้อยลงจากการขายรถยึด)

เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ของ TISCO มีแนวโน้มทรงตัว YoY (NIM ที่สูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง แต่การตั้งสำรองที่มากขึ้น) และ QoQ (การเติบโตของสินเชื่อ แต่ NIM ที่ลดลง) นอกจากนี้เราคาดว่า KTB จะรายงานกำไรที่ทรงตัว YoY จาก NIM ที่สูงขึ้น แต่การตั้งสำรองและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก็สูงขึ้นเช่นกัน (เติบโต 64% QoQ จากการตั้งสำรองที่ลดลง) KBANK น่าจะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ที่ทรงตัว YoY จาก NIM ที่ขยายตัวขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก็เพิ่มขึ้นและกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่ลดลง (เพิ่มขึ้น 14% QoQ จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงกลบรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง)

คุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำยังแข็งแกร่ง

อัตราส่วนหนี้เสีย/สินเชื่อรวมเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำลดลงจาก 2.96% ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2566 มาเหลือ 2.91% ณ สิ้นปี 2566 นอกจากนี้อัตราส่วนการตั้งสำรองเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 186.8% ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2566 เป็น 189.7% ในปี 2566 ตัวเลขเหล่านี้ทำให้เรามั่นใจว่าคุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำยังคงดีอยู่ โดย BBL มีอัตราส่วนการตั้งสำรองสูงสุดในปี 2566 ที่ 314.7% รองลงมาคือ TISCO KTB KKP TTB SCB และ KBANK

ธุรกิจเคมิคอลส์รายงานผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 2,560 ล้านบาทขาดทุนเพิ่มขึ้น YoY และพลิกจากกำไรสุทธิในไตรมาส 3/66 (ปริมาณขายที่ลดลง, ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ลดลง และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลง) ธุรกิจซิเมนต์และวัสดุก่อสร้างรายงานขาดทุนสุทธิที่ 1,127 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ (อุปสงค์ซะลอตัวลงในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียดนามและกัมพูชา และผลขาดทุนจากการด้อยค่าโรงงานซีเมนต์ในเมียนมาร์) กำไรสุทธิของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 1,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171% YoY (ตัวเลขดีขึ้นจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและธุรกิจเยื่อและกระดาษ) แต่ลดลง 8% QoQ (กำไรที่ลดลงจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร)

 

- Advertisement -