Daily Focus: Earnings and Selective Play
2024 SET Target : 1520
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index รีบาวด์ขึ้นได้แข็งแกร่งกว่าคาด ปิดบวกถึง 24.65 จุด ที่ 1,381.19 จุด มูลค่าการซื่อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 5.4 หมื่นลบ. ปัจจัยหนุนหลักคือการเมืองในประเทศ หลังคุณพิธารอดคูดีถือหุ้น ITV ขณะที่จีนกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทั้งการเตรียมปรับลด RRR ลงในวันที่ 5 ก.พ. นี้ อีก 0.5% สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 853 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องแต่บางลงเหลือ 571 ลบ. (แต่ Long Index Futures สูงถึง 3.8 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Up กรอบ 1,370-1,390 จุด โดยคาดยังคงเห็นโมเมนตัมเชิงบวก ทางเทคนิควานนี้ที่ยังช่วยหนุนหลังฟื้นตัวได้แข็งแกร่ง จากฐานแนวรับสำคัญบริเวณ 1,355+/- จุด ขณะที่ตัวเลข S&P Global Manufacturing PMIทั้งฝั่งยูโรโซนและสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด เป็นอีกปัจจัยบวกอ่อนๆ อย่างไรก็ตาม กรอบการแกว่งตัววันนี้ คาดว่าจะแคบลง โดยตลาดรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญคือ GDP 4023 ของสหรัฐฯซึ่งตลาดคาด +2% 9-9 SAAR หากออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดจะทำให้ตลาดยังคงปรับมุมมองการลดดอกเบี้ยของ FED ให้ Optimistic น้อยลง และอาจไม่เริ่มในเดือน มี.ค. อย่างที่เคยคาด ส่วนปัจจัยในประเทศปลายสัปดาห์นี้ติดตามตัวเลขส่งออก รวมถึงโฟกัสหลักยังอยู่ที่การทยอยคาดการณ์และประกาศกำไรฝั่ง Real Sector ของบจ.ว่าจะฟื้นตัวได้ดีมากน้อยเพียงใด หลังกลุ่มธนาคารออกมาต่ำกว่าคาด เรายังมองการปรับฐานของดัชนีตั้งแต่ต้นปียังทำให้ภาพระยะกลาง-ยาวน่าสนใจในการลงทุนจาก Valuation ที่ดึงดูดมากขึ้น โดยปัจจุบันเทรด 2024PER ราว 14.5 เท่าและมี EY Gap ที่กว่า 4.2% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4๐23-2024 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid
หุ้นเด่นเดือน ม.ค.: CHG, COM7, GFPT, SAPPE, SAWAD
หุ้นเด่นวันนี้ : ITEL
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4 บาท
- เราคาดกำไร 4023 โต 15% q-q เป็น 79 ลบ. เป็นไตรมาสสูงสุดของปี และจบปี 2023 ด้วยกำไรปกติ 269 ลบ. +2% y-y เป็นปีแห่งความท้าทายแต่ผ่านไปแล้ว ล่าสุด ITEL ซื้อกิจการ GLS 100% ในราคา 40 ลบ. อาจมีกำไรทางบัญชีเข้ามาใน 1Q24 การซื้อ GLS ช่วยต่อยอดไปสู่ Health tech ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต
- GLS เป็นผู้ให้บริการทางการแพทย์ เชี่ยวชาญด้าน CT scan / MRI scan ปัจจุบันมีลูกค้าเป็นโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน สินค้าเป็นสินค้าจำเป็นและอยู่ในตลาดที่โตสูง เราคาดกำไรปี 2024 กลับมาโต +20% y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PE เพียง 10.7 เท่า
- แนวรับ 2.44-2.40//2.30 บาท แนวต้าน 2.56-2.60//2.70 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนในภูมิภาคผสมผสาน สุทธิแล้วไหลเข้าบางๆ US$77 ล้าน นำโดยอินโดนีเซีย US$94 ล้าน ส่วนไต้หวันไหลเข้าบางๆ US$41 ล้าน และไหลออกที่เกาหลีใต้ US$52 ล้าน ส่วนไทยเม็ดเงินไหลออกบางลงเหลือ US$16 ล้าน ตลาดยังได้แรงหนุน หลังจีนประกาศลด RRR กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามคาดกระแสเงินทุนจะยังผสมผสาน วันนี้โดยรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญคือ GDP 4Q23 คืนนี้ และเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯคืนพรุ่งนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) SCC ขาดทุนสุทธิ 1,134 ลบ.ใน 4Q23 ถ้าหักรายการด้อยค่าของโรงงานซีเมนต์ในเมียนมา จะเป็นกำไรปกติ 502 ลบ. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะกำไรปกติ 1.4-1.5 พันลบ. กำไรปกติ 4Q23 ที่ทำได้เพียง 502 ลบ. -83% q-q, -38% y-Y ฉุดโดยธุรกิจเคมีคอลที่ขาดทุน 2.5 พันลบ. จากทั้งวอลุ่มขายและ Spread ที่ลดลง เพราะ demand อ่อนแอ แต่ supply ใหม่เพิ่ม ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างขาดทุนจากการตั้งด้อยค่าที่เมียนมา ถ้าไม่รวมการตั้งด้อยค่า จะมีกำไรปกติ 508 ลบ. ต่ำกว่าปกติจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ ภาพทั้งปี 2023 กำไรสุทธิอยู่ที่ 2.59 หมื่นลบ. +21% y-y ถ้าตัดรายการพิเศษจะเป็นกำไรปกติ 1.33 หมื่นลบ. -40% y-y ต่ำสุดในรอบเป็นสิบปี ถูกฉุดจากธุรกิจปิโตรเคมี
(-) CPF คาดผลการดำเนินงานหลัก 4Q23 ขาดทุนราว 4 พันลบ. แย่ลงจาก -3.7 พันลบ.ใน 3Q23 จากราคาเนื้อสัตว์ที่ยังปรับลงต่อ โดยเฉพาะราคาหมูปรับลงเกือบทุกตลาด จากกำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศที่ไม่สดใส แม้ราคาวัตถุดิบปรับลง แต่ราคาเนื้อสัตว์ยังต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยง กอปรกับปกติ 4Q เป็น Low Season ของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะรับรู้กำไรทางบัญชีจากการขายธุรกิจไก่ในจีน เบื้องต้นอาจสูงราว 2-3 พันลบ. จึงคาดขาดทุนสุทธิ 4Q23 จะน้อยลงกว่า 3Q23 จากผลประกอบการที่ฟื้นช้ากว่าคาด และแนวโน้ม 1Q24 อาจเผชิญผลขาดทุนต่อ ซึ่งจะเป็น Downside ต่อประมาณการของเรา เราปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 20 บาท ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ”
(+) SHR คาดกำไรปกติ 4Q23 ที่ 10 ลบ. พลิกจากขาดทุน 10 ลบ.ใน 3Q23 จาก high season ของนักท่องเที่ยวในไทยและ Maldives รวมถึงค่าห้องพักโรงแรมใน Fiji ที่ปรับเพิ่มขึ้น 15-20% y-y แม้จะมีส่วนแบ่งขาดทุนจากโรงแรมเปิดใหม่ ใน SO/Maldives เมื่อเดือน พ.ย. 2023 อย่างไรก็ตาม โมเมนตัมการเติบโตของกำไรจะยังมีต่อเนื่องใน 1Q24 จากแนวโน้มที่ดีของโรงแรมใน Maldives และ full operation ของโรงแรมที่ภูเก็ตและ Mauritius และคาดกำไรปกติปี 2024 โตก้าวกระโดดเป็น 307 ลบ. จาก 26 ลบ. ในปี 2023 จากนักท่องเที่ยวจีนที่หนุนการท่องเที่ยวใน Maldives เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2024-25 ลง 3-24% เพื่อสะท้อนส่วนแบ่งขาดทุนของ SO/ Maldives ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 4 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) AP คาดกำไร 4Q23 เกณฑ์ดีที่ 1.3 พันลบ. (-23% q-q, +14% y-y) ใกล้เคียงที่เราเคยมอง การลดลง q-q หลักๆจาก SG&A สูงขึ้นจากการรุกเปิดโครงการใหม่ ขณะที่ยอดโอน +5%y-y แต่ -8% q-q จากฐานสูง ส่วน GPM ขยับขึ้นเป็น 35% (+84bps q-q, +129bps y-y) ทำให้จบปี 2023 กำไรทำ New High ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 อยู่ที่ 6 พันลบ. (+3% y-y) สำหรับแผนธุรกิจในปี 2024 เบื้องต้นมองว่าเป็นเชิงเติบโตแบบอนุรักษ์นิยมท่ามกลางตลาดอสังหาฯ ที่ชะลอตัว ผ่านการเน้นขายสต็อกที่เปิดตัวจำนวนมากในปี 2022-23 คงประมาณการกำไรปี 2024 ยังแข็งแกร่งที่ 6.45 พันลบ. (+3% y-y) คงราคาเหมาะสม 14.40 บ. ยังแนะนำซื้อ โดยคาดปันผลงวดปี 2023 ที่ 0.70 บ./หุ้น Yield 6.4% (จ่ายปีละครั้ง)
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 99.06 จุด หรือ -0.26% ปิดที่ 37,806.39 จุด ลบเล็กน้อย แต่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ยังคงปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Netflix และ ASML ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังหุ้น SAP ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์และหุ้นเอเอสเอ็มอแล ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์ผลิตชิปเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่จากธนาคารกลางจีนได้ช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายด้วย
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ขณะที่ตลาดจับตามองรายงาน GDP เกาหลีใต้ และผลของนโยบายการปรับลดอัตราส่วนสำรองของธนาคารจีน
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าต่อเนื่อง อยู่ที่บริเวณ 35.74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.16%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 75.09 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งสถานการณ์ดึงเครียดในตะวันออกกลาง และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 75.40 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.41%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 9.80 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 2,016 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังมีรายงานว่าดัชนี PMI ของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งอาจทำให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ในขณะที่เช้านี้ปรับลบเล็กน้อยที่ระดับ 2,034.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.04%
SPDR Gold Trust ถอื ครองทองคา 858.93/ –