บล.โกลเบล็ก:
WARRIX SPORT PLC. (WARRIX)
วอริกซ์ มีดีมากกว่าเสื้อผ้ากีฬา
คาดกำไรปี 67 เติบโตสูงราว 35%
- กำไรสุทธิงวด 3Q66 ที่ 40.3 ลบ. +92.4%QoQ, -0.6%YoY
- คาดการณ์กำไรสุทธิงวด 4Q66 เท่ากับ 76 ลบ. +7%QoQ, +25%YoY
- ประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 130 ลบ. เติบโต 1.1%YoY
- ประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ที่ 175 ลบ. เติบโต 34.6%YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่
- เริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 67 เท่ากับ 7.05 บาท (PEG Ratio ที่ 0.7 เท่า)
ประเด็นสำคัญในการลงทุน
- รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q66 ที่ 40.3 ลบ. +92.4%QoQ, -0.6%YoY: งวด 3Q66 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 325 ลบ. +27%QoQ +10%YoY จากการเติบโตของยอดขายสินค้า Non-Licensed โดยมีอัตรากำไร ขั้นต้น (%GPM) 49.1% เพิ่มขึ้น YoY, QoQ จาก 45.6% ใน 3Q65 และ 48.3%ใน 2Q66 จากการควบคุมต้นทุนขายและบริการได้ดีขึ้น อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวม (SG&ATotal Sales) เท่ากับ 33.3% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 27.8% ใน 3Q65 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงาน และ ค่าเช่าพื้นที่สำหรับ Warrix Run Hub, Warrix Lifestyle ส่งผลให้งวด 3Q66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 40.3 ลบ. +94%QoQ, -1%YoY คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 12.3% ลดลง YoY, เพิ่มขึ้น QoQ จาก 13.6% ใน 3Q65 และ 8.0% ใน 2Q66 กำไรงวด 9M66 เท่ากับ 72.4 ลบ. +10.6%YoY
- คาดการณ์กำโรงวด 4Q66 เท่ากับ 57.5 ลบ. +42.6%QoQ, -8.8%YoY: คาดบริษัทจะมีรายได้จากการขายและบริการ 400 ลบ. +22.9% QoQ, +7.3% YoY เติบโตจากยอดขายทั้งกลุ่มสินค้า Licensed และ Non-Licensed ประกอบกับในช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นเนื่องจาก Event การแข่งขัน ฟุตบอลที่มักจะเกิดขึ้นช่วงครึ่งหลังของปี เช่น รายการ King’s Cup, FIFA Day, AFC World Cup รวมถึงการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อจากลูกค้าองค์กร คาดอัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) ที่ระดับ 48.7% ใกล้เคียง QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY จาก 49.1% ใน 3Q66 และ 48.0% ใน 4Q65 เนื่องจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น ส่งผลให้เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิงวด 4Q66 เท่ากับ 57.5ลบ. + 42.6%QoQ, -8.8% YoY สาเหตุที่กำไรลดลง YoY เกิดจากอัตราภาษีที่คิดในระดับปกติ (20%) คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 14.2%
- ประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 130 ลบ. เติบโต 1%YoY : สำหรับปี 66 เราคาดการณ์รายได้ 1,231 ลบ. เติบโต 16%YoY จากการเติบโตของยอดขายทั้งกลุ่มสินค้า License และ Non-Licensed (สัดส่วนสินค้า License ราว 79% Non-Licensed ราว16% และอื่นๆ) เนื่องจากแบรนด์สินค้าของบริษัทเป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงการขยายช่องทางการขาย เช่น ช่องทาง Modern Trade ช่องทางออนไลน์ และหน้าร้านของบริษัท เป็นต้น ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้มากขึ้น เราใช้สมมติฐาน %GPM ที่ระดับ 57.6% ปรับตัวสูงขึ้นจากปี 65 ที่ระดับ 46.3% เนื่องจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น และการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) คาด SG&A/Total Sales ที่ 34.8%ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 65 จากการรับพนักงานเพิ่มเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ทำให้เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 130 ลบ. +1%YoY โดยกำไรงวด 9M66 คิดเป็น 56% ของประมาณการกำไรปี 66
- ประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ที่ 175 ลบ. เติบโต 34.6%YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่: เราคาดการณ์รายได้ในปี 67 ราว 1,515 ลบ. เติบโต 23%YoY ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปี 62-69 ราว 22% ต่อปี (ดังแสดงในภาพประกอบ) จากการเติบโตจากทุกช่องทางการจัดจำหน่าย และการเติบโตของยอดขายทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะสินค้า Life Style จากการเปิดหน้า ร้านทั้งสาขา Siam Square, The Mall Bangkhae, The Mall Bangkapp ที่เปิดเมื่อช่วงปลายปี 66 ด้วยสมมติฐาน %GPM ที่ระดับ 48.0% ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 66 ที่คาดว่ามี %GPM 47.6% โดยบริษัทจะเน้นขายสินค้าที่มี Margin สูงเพิ่มเติม เช่น เสื้อผ้าLife Syle เสื้อผ้าที่ทำร่วมกับศิลปิน คาด SG&A/Total Sales ที่ 33.4% ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 65 จากความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ประกอบกับไม่มีการเพิ่มพนักงานเป็นจำนวนมากเหมือนในปี 66 ส่งผลให้คาดกำไรสุทธิ เท่ากับ 175ลบ. +34.6%YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
- เริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 67 เท่ากับ 7.05 บาท: เราประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี PEG Ratio ที่ 0.7 เท่า เพื่อสะท้อนถึงการเติบโตของผลประกอบการ โดยคาดว่ากำไรปี 67 จะเติบโต 34.6% YoY และคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 67 เท่ากับ 0.291 บาท ต่อหุ้น ทำให้ได้ราคาเหมาะสมปี 67 เท่ากับ 7.05 บาทซึ่งมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบัน 28% โดยราคาปัจจุบันคิดเป็น Forward P/E ปี 67 ที่ 19x ขณะที่คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ในอนาคตราว 2.6% ต่อปี เราจึงแนะนำ “ซื้อ” ทั้งนี้ บริษัทฯมีแผนซื้อ หุ้นคืนจำนวนไม่เกิน 11 ล้านหุ้น วงเงินสูงสุดไม่เกิน 70 ระหว่าง 21 พ.ย. 66 ถึง 20 พ.ค.67 จากข้อมูลล่าสุด ณ 25 ม.ค. 67 จำนวนหุ้นซื้อ คืนรวม 10.65 ล้านหุ้น
ปัจจัยเสี่ยง :
- การแข่งขันสูง
- สินค้าเคลื่อนไหวช้าหรือล้าสมัย
- การพึ่งพิงธุรกิจในช่องทางห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค
- ภาวะเศรษฐกิจถดถอย