บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Ichitan Group (ICHI)

คาดกำไรจะกลับมาทำ New High ได้ตั้งแต่ 1Q67-2Q67

  • Action TRADING (Downgrade)
  • TP upside (downside) +7.6%
  • Close Jan 25, 2024 Price (THB) 17.10
  • 12M Target (THB) 18.40
  • Previous Target (THB) 18.40

คาดกำไรปกติใน 4Q66 ลดลง QoQ จาก U-rate ที่ลดลง แต่ยังโต YoY

เราคาดรายได้ใน 4Q66 ที่ 2,086 ลบ. ทรงตัว QoQ และเติบโต 29.5% เนื่องจากความต้องการเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับการเข้าสู่ช่วง High season ของภาคท่องเที่ยวหนุนการบริโภค ขณะที่ GPM คาดลดลงเป็น 23.0% ลดลงจาก 25.2% ใน 3Q66 เนื่องจาก U-rate ที่คาดลดลง เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงเครื่องจักรบางส่วนในเดือนต.ค. ส่งผลให้จำเป็นต้องจ้าง OEM เข้ามาทดแทนเพิ่มเติม ส่วน SG&A to sales คาดสูงขึ้นเป็น 6.5% จาก 5.7% ใน 3Q66 จากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้น และการจ่ายโบนัสพนักงานในช่วงท้ายปี ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้กำไรปกติใน 4Q66 อยู่ที่ 269 ลบ. (-17.8% QoQ, +38.9% YoY) ซึ่งหากกำไรออกมาตามคาดกำไรปกติของทั้งปี 2567 จะอยู่ที่ 1,076 ลบ. ใกล้เคียงกับประมาณการของเราที่ 1,084 ลบ. (+68.9% YoY)

เรามองเป็นบวกต่อแนวโน้มกำไรปกติใน 1Q67-2Q67

เราประเมินกำไรปกติจะกลับมาทำ New High ใน 1Q67 หนุนจากการเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐหนุนการบริโภคในประเทศ ขณะที่ GPM คาดสูงขึ้นในระดับไม่ต่ำกว่า 23.5% หนุนจาก U-rate ที่คาดกลับเข้าสู่ระดับปกติหลังการปิดซ่อมเครื่องจักรจบลง และราคา PET Resin (สัดส่วน 30% ของรายได้รวม) ที่คาดปรับตัวลง และส่วนแบ่งกำไรจากประเทศอินโดนีเซียคาดสูงขึ้นเป็น 5 ลบ. จากการเริ่มรับรู้ผลของการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด นอกจากนี้เรามองว่ากำไรปกติจะสามารถทำ New High ต่อใน 2Q67 เนื่องจากเป็นการเข้าส่ช่วง High Season ของธุรกิจ และอากาศที่อาจร้อนกว่าปกติจากผลกระทบของเอลนีโญ

ปี 2567 คาดยังเติบโตต่อ แม้มีฐานสูงในปี 2566

เราคาดกำไรปกติในปี 2567 ที่ 1,234 ลบ. (+13.9% YoY) หนุนจาก 1) แนวโน้มตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม ที่คาดเติบโตต่อ ตามการบริโภคในประเทศในประเทศที่สูงขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ 2) รายได้จาก Tansansu ที่คาดสูงขึ้นเป็น 220 ลบ. จาก 190 ลบ. ในปี 2566 จากการเน้นการออกสินค้าใหม่ในกลุ่ม Mass product มากขึ้น 3) รายได้ OEM คาดสูงขึ้นเป็น 150 ลบ. จาก 120 ลบ.ในปี 2566 จากการรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ราว 1-2 เจ้า 4) GPM คาดสูงขึ้นเป็น 23.8% แม้ถูกกดดันจากการที่บริษัทยังต้องจ้าง OEM ตลาดทั้งปี 2567 เนื่องจาก Capacity ที่จำกัด แต่เรามองว่าจะชดเชยได้จากราคา PET Resin ที่คาดปรับตัวลงต่อ และ 5) ส่วนแบ่งกำไรจากอินโดนีเซียคาดฟื้นตัวเป็น 22 ลบ. จาก 14 ลบ.ในปี 2566 นอกจากนี้บริษัทยังมีการขยายกำลังการผลิตราว 13% คาดจะเริ่ม Commercial run ในช่วงปลาย 4Q67 และเป็น Upside ต่อกำไรปี 2568 เป็นต้นไป

ปรับคำแนะนำลงเป็น “TRADING” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 18.40 บาท

คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 18.40 บาท แต่ด้วยราคาหุ้นในปัจจุบันมี Upside เหลือเพียง 7.6% เราจึงปรับคำแนะนำลงจาก “ซื้อ” เป็น “TRADING” และคาดบริษัทจะจ่ายเงินปันผลราว 0.96 บาท/หุ้น คิดเป็น Div.Yield ที่ 5.6% ต่อปี

- Advertisement -