บล.ฟินันเซีย ไซรัส: 

MINOR INTERNATIONAL (MINT TB)

การดำเนินงานแข็งแกร่งต่อเนื่องจากโรงแรมในยุโรปสู่ไทย

  • คาดกำไรปกติ 4Q23 จะอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 2.4 พัน ลบ. (+3% y-y, +7% q-q) โดยได้ปัจจัยผลักดันจากโรงแรมในไทย ซึ่งจะทำให้กำไรปกติในปี 2023 สูงกว่าระดับก่อนโควิด
  • อัตราการเข้าพัก (OCC rate) ของโรงแรมในไทยน่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีใน 1Q24; โรงแรมในยุโรปน่าจะได้ประโยชน์จากงาน UEFA Euro 2024 และ 2024 Olympics ในเยอรมันและป่ารีส
  • คงคำแนะนำซื้อ หลังปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 44 บาท (DCF)

คาด RevPAR ของโรงแรมในไทยและยุโรปจะโต 14-17% y-y

เราคาดว่ากำไร 4Q23 จะอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 2.4 พัน ลบ. (+3% y-y, +7% q-q)  แม้ว่าจะเป็น Low season ของโรงแรมในยุโรป ปัจจัยหนุนสำคัญน่าจะอยู่ที่ RevPAR ที่โตดีของโรงแรมในไทยและยุโรป โดยเราคาดว่าจะปรับขึ้น 14% y-y และ 17% y-y ตามลำดับ นอกจากนี้รายได้จากธุรกิจอาหารยังน่าจะโต 5% y-y โดยได้ปัจจัยผลักดันจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เป็นบวกของภัตตาคารในจีนและการขยายสาขาของภัตตาคารในไทย จากกำไร 4Q23 ที่คาดว่าจะออกมาดี เราคาดว่ากำไรปกติปี 2023 น่าจะอยู่ที่ 7.1 พัน ลบ. สูงกว่าระดับก่อนโควิด

ตัวเลขการจองล่วงหน้าของโรงแรมในไทยในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. 2024 ดูดี

จากการสัมภาษณ์ของ Bloomberg กับประธานฯ ของ MINT (Bill Heinecke) โรงแรมในไทย มี OCC rate อยู่ที่ 75% ในเดือน ธ.ค. 2023 ในขณะที่ตัวเลขการจองล่วงหน้ากระโดดเพิ่ม 20-30% ในเดือน ม.ค. – ก.พ. 2024 เพราะฉะนั้นเราจึงเชื่อว่า OCC rate ของโรงแรมในไทยจึงน่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 75-80% (เทียบกับ 69% ใน 4Q23E และ 71% ใน 1Q23) ปัจจัยดังกล่าวน่าจะช่วย support ผลประกอบการในช่วง Low season ของโรงแรมในยุโรปพร้อมโอกาสที่ MINT จะรายงานกำไรใน 1Q24 (เทียบกับที่เคยขาดทุน 0.6 พัน ลบ. ใน 1Q23)

คาดกำไรปกติจะโต 13% เป็น 8.0 พัน ลบ. ใน 2024

เราคาดว่า RevPAR รวมจะโต 6% ในปี 2024 นำโดยโรงแรมในไทย (+10%) ในขณะที่เราคาดแบบ conservative ว่า RevPAR ของโรงแรมในยุโรปจะโต 4% เราเห็นว่าโรงแรมในยุโรปจะมี Upside จากการฟื้นตัวของนักเดินทางระยะไกล งาน UEFA Euro 2024 ที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือน มิ.ย. – ก.ค. 2024 และงาน 2024 Olympics ที่ปารีสเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนก.ค. – ส.ค. 2024 ทั้งนี้ห้องของโรงแรมในเยอรมันและปารีสคิดเป็น 26% และ 2% ของจำนวนห้องรวมของโรงแรมที่ NHH เป็นเจ้าของในภาพรวมเราคาดว่ากำไรปกติจะโต 13% เป็น 8.0 พัน ลบ. พร้อมโอกาสที่จะมี Upside จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงเนื่องจาก MINT วางแผนชำระหนี้คืนล่วงหน้าในช่วงปี 2024

ปรับเพิ่มประมาณการกำไร ราคาหุ้นยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับโรงแรมคู่แข่งระดับโลก

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2023-25 ขึ้น 9% เพื่อสะท้อนประมาณการกำไร 4Q23 และแนวโน้มที่อยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2024 ใหม่ที่ 44 บาท (DCF) ราคาหุ้นของ MINT ต่ำกว่าระดับก่อนโควิดอยู่ 17% และปรับตัวได้ดีน้อยกว่าผู้ประกอบกิจการโรงแรมระดับโลก ซึ่งมีราคาหุ้นสูงกว่าระดับก่อนโควิด 26% ปัจจุบัน MINT เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มโรงแรม เนื่องจากหุ้นมีการซื้อขาย โดยมีระดับการประเมินมูลค่าที่ต่ำเพียง 21x ของค่า 2024E P/E เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 26x ค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงแรมไทยที่ 46x และค่าเฉลี่ยของโรงแรมระดับโลกที่ 22x

- Advertisement -