บล.กรุงศรีฯ:
KASIKORNBANK (KBANK TB/ KBANK.BK)
กลุ่มอุตสาหกรรม | ธนาคาร |
หุ้น | KBANK |
มูลค่าพื้นฐาน | 0.00 |
คำแนะนำ |
- Highlights from annual analyst briefing
มาตรการเชิงรุก risk-adjusted return เพื่อเป้า double-digit ROE ในปี 26F
KBANK ประกาศกลยุทธ์ ‘3 + 1’ โดยตั้งเป้าจะเพิ่ม ROE เป็นสองหลักภายในปี 2026F (จากปัจจุบันอยู่ที่ 8%) ด้วยการเจาะกลุ่มลูกค้าเดิมที่ยังไม่เคยมีประวัติเครดิต และลูกค้าเดิมที่มีประวัติเครดิตดี รวมถึงเพิ่มรายได้ Non-NII ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้าน wealth และ bancassurance ด้วย นอกจากนี้ การเน้นธุรกิจแบบ Value-based ที่ขับเคลื่อนโดย AI/Data ในส่วนที่เกี่ยวกับการปรับปรุง credit performance น่าจะช่วยลด credit cost ลงมาได้ในระยะกลางถึงยาว ในขณะเดียวกัน การขยายสินเชื่อจะยังคงความเข้มงวดและระมัดระวังในการปล่อย จากนโยบายการอนุมัติสินเชื่ออย่างรัดกุม และบริหารจัดการ NPL อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อเนื่อง โดยสรุปเป้าสินเชื่อโตส 3-5% NIM ทรงตัว เพิ่มรายได้ net fee income C/I ratio อยู่ที่ 40% ต้นๆ ถึงกลาง ขณะที่ credit cost อยู่ในช่วง 175-195bps และ NPL <3.25%
- Analysis
ปัญหาคุณภาพสินทรัพย์อาจจะยังเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของกำไร
เรายังคงมองว่าสินเชื่อจะค่อนข้างทรงตัวหรืออาจจะลงเล็กน้อย yoy ในปี FY24F เพราะธนาคารจะเน้นสินเชื่อที่มีคุณภาพ และ yield ต่ำ ซึ่งอาจจะทำให้สินเชื่อโตค่อนข้างยาก ขณะที่ NIM คาดจะใกล้เคียงเดิมหรือลงเล็กน้อย เพราะสินเชื่อที่ yield ต่ำกว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ในขณะที่คาดว่าสัดส่วน C/I จะยังทรงตัว yoy จากการลงทุนทางด้าน IT อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากการประเมินความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์และสัดส่วน NPLs ที่อาจจะขยับสูงขึ้นเกินกว่า 3.19% จากสิ้นปีที่ผ่านมา (Dec-23) เราคาดว่า credit cost จะยังอยู่ในระดับสูงประมาณ 190bps ในปี FY24F ขณะที่สัดส่วน Coverage ratio น่าจะอยู่ที่ระดับ 150% ซึ่งอาจจะถือว่าต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารอื่น ๆ
- Implication
ราคาเป้าหมายตาม consensus อยู่ที่ 148.50 บาท โดยมีนักวิเคราะห์ 8 รายแนะนำซื้อ และอีก 5 รายแนะนำถือ
เรายังคงมอง Neutral ค่อนไปทางลบกับ KBANK เนื่องจาก (1) คาดว่ากำไรอาจจะลดลง yoy ใน FY24F เนื่องจากมี downside จาก credit cost และ NPLs 2) ROE อาจจะลดลงไปต่ำกว่า 8% ในปี FY24F ในขณะที่เราคาดธนาคารจะเผชิญความท้าทายในการเพิ่ม ROE เป็นสองหลักภายในปี FY26F และ (3) จากการประชุมประจำปีรอบล่าสุด เราคาดว่าจะไม่มี upside จากการเพิ่ม pay-out หรืออัตราการจ่ายเงินปันผล (จ่ายขั้นต่ำที่ 25% ของกำไรรวม consolidated net profit) น่าจส่งผลให้ไม่มี upside ต่อ ROE ในระยะสั้น และ valuations หรือการประเมินมูลค่าหุ้นอาจลดความน่าสนใจลง