บล.ทรีนีตี้

แสนสิริ – SIRI

  • Upside/Downside +21% / Median Consensus 2.09 บาท

ยังคงเป็นผู้นำบ้าน High End ทำยอดขายดีต่อเนื่อง

  • ตั้งเป้ายอด Presales 4.5 หมื่นล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 19.7% YoY
  • เน้นเปิดตัวโครงการระดับกลาง-บน เพื่อลดยอด Rejection จากธนาคาร
  • คาดกำไรปี 2567-2568 ที่ 4.86 และ 4.9 พันล้านบาท ตามลำดับ
  • คาด Dividend Yield ปี 2566 ที่ 7.16%
  • แนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 2.10 บาท

2567 Business Target

  • SIRi ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ 46 โครงการ มูลค่ารวม 6.1 หมื่นล้านบาท เป็นสัดส่วนจากโครงการคอนโด 43% จำนวน 20 โครงการ และเป็นสัดส่วนจากโครงการแนวราบ 57% จำนวน 26 โครงการ และเป็นสัดส่วนจากกลุ่ม Premium ที่ 38% ของมูลค่าทั้งหมด
  • ตั้งเป้ายอด Presales ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 19.7% YoY โดยที่เป็นสัดส่วนจากโครงการแนวราบที่ 2.9 หมื่นล้านบาท และคอนโดที่ 1.6 หมื่นล้านบาท
  • คาดยอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ 7.0 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 15% YoY
  • ปี 2566 มียอด Presales รวมอยู่ที่ 3.76 หมื่นล้านบาท ปรับตัวลดลง 2.4% YoY โดยที่ปี 2566 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 44 โครงการ มูลค่ารวม 6.5 หมื่นล้านบาท
  • เป้ารายได้จากยอดโอนอยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท เป็นสัดส่วนจากโครงการแนวราบที่ 70% ซึ่งคาดเป็นการเติบโตที่ 15% Yoy ในขนาดที่คาดการโอนจากกลุ่มคอนโด Flat YoY

ยังคงคาดการณ์กำไรปี 2567-2568

  • การเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2567 จะเน้นกลุ่มกลาง-บน ที่กลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อ ลดยอด Rejection จากธนาคาร หนุนยอด Backlog ให้คุณภาพขึ้น
  • เรายังคงคาดการณ์กำไรปี 2567-2568 ที่ 4.86 พันล้านบาท และ 4.9 พันล้านบาท ตามลำดับ โดยคาดกำไรปี 2567 มีการปรับตัวลดลง 19.1% YoY จากฐานที่สูงเป็นประวัติกาลในปี 2566 เนื่องจากมีการโอนโครงการแนวราบระดับ High End สูง
  • ยอดขายโครงการแนวราบระดับ High End ยังสามารถทำ Take Up Rate ได้สูงกว่าในอดีต ซึ่งเป็น Segment ที่ SIRI มีความชำนาญและคาดว่าจะหนุน Margin ได้ดีต่อเนื่อง

ผู้นำตลาดแนวราบตลาดบน Gross Margin สูง แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 2.10 บาท

ยังคงแนะนำ “ซื้อ ” ที่ราคาเป้าหมาย 2.10 บาท จากการอิงผลประกอบการ 2567F และค่าเฉลี่ย P/E ที่ 8x โดยปัจจุบัน SIRI เทรดที่ P/E 7X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และคาด dividend Yiela ปี 2566 ที่ 7.16%

ปัจจัยเสี่ยง

อัตราการแข่งขันการเปิดโครงการใหม่สูง, ยอดปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารที่เป็นตัวกดดันยอดขาย, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ส่งผลให้ลูกค้าเลื่อนการซื้อไปในอนาคต, ราคาที่ดินในบริเวณเขตธุรกิจ (CBD) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนโครงการสูงขึ้นเช่นกัน, มาตรการ LTV และ COVID-19 ที่กดดันตลาดโดยรวม

Assumptions:
P/E8.0X
Equity gain from JV (2567F)315 mb
Gross profit margin34%
SG&A expense20%
Net profit margin14.2%

 

- Advertisement -