บล.กรุงศรีฯ:
CK POWER (CKP TB/ CKP.BK)
CKP – ยืนยันแนวโน้มกำไรขาขึ้นในปีนี้ (TP Bt4.50, BUY)
| กลุ่มอุตสาหกรรม | พลังงานและสาธารณูปโภค |
| หุ้น | CKP |
| มูลค่าพื้นฐาน | 4.50 |
| คำแนะนำ | BUY |
เรายังคงคำแนะนำซื้อ CKP โดยประเมินราคเป้าหมาย DCF ปี 2024 ที่ 4.50 บาท ทั้งนี้ แบบจำลองสภาวะอากาศสากลล่าสุดชี้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดภาวะ La Nina ใน 2H24 ในขณะที่ภาวะ El Nino น่าจะถึงจุดสูงสุดใน 1Q24 และค่อย ๆ คลายตัวลงมาเป็นภาวะ neutral ในเดือนมิถุนายน 2024 ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่ากำไรในปี FY24F มี upside จากการเกิดภาวะ La Nina เร็วเกินคาด ซึ่งจะหนุนให้กำไรเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นในปี FY24-25F ทั้งนี้ ระดับน้ำในเขื่อน NN2 ณ YE2023 อยู่ที่ 367 masl ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และจะช่วยหนุนยอดผลิตไฟฟ้าของ NN2 ใน 1Q24 ซึ่งเป็นช่วง low season เรายังคงเลือก CKP เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มโรงไฟฟ้า
มีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่จะเกิดภาวะ La Nina เร็วกว่าที่คาดไว้
เรายังคงมองว่าภาวะ El Nino จะถึงจุดสูงสุดในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2024 แล้วพลิกมาเป็นภาวะ neutral ในเดือนมิถุนายน ก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะ La Nina ในปลาย 3Q23-4Q23 ซึ่งจากแบบจำลองสภาวะอากาศสากลล่าสุด (มกราคมา 24) พบว่ามีความน่าจะเป็นที่จะเกิดภาวะ La Nina สูงกว่า 50% จากเดือนมิถุนายน 2024 เป็นต้นไป จากเดิมที่มีความน่าจะเป็นต่ำกว่า 50% ในการพยากรณ์เมื่อเดือนธันวาคม 2023 ซึ่งหมายความว่ากำไรจะมี upside จากการที่ฤดูฝนมาเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะทําให้ capacity factor ของทั้ง NN2 และ XPCL สูงขึ้นเล็กน้อย
คาดว่าผลประกอบการจะพลิกฟื้นได้ตั้งแต่ 2024 เป็นต้นไป
CKP รายงานว่าระดับน้ำในเขื่อน NN2 เมื่อสิ้นปี 2023 อยู่ที่ 367masl ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 362masl และจะทำให้สามารถประกาศยอดผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้น แม้จะเป็นช่วง peak ของ El Nino ใน 1Q24 ก็ตาม เราคาดว่าบริษัทจะยังคงมีผลขาดทุนจากธุรกิจหลักใน 1Q24 แต่จะขาดทุนน้อยลงอย่างมาก yoy เพราะระดับน้ำ ในเขื่อนสูงขึ้น (ระดับน้ำใน YE2022 อยู่ที่ 358 ล้าน) นอกจากนี้ การเข้าสู่วัฏจักรของภาวะ La Nina ใน 2H24 จะช่วยหนุนให้กำไรเข้าสู่ขาขึ้น (คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะโต 19% ในช่วงปี FY24-25F)
คงคำแนะนำซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายปี 2024 ที่ 4.50 บาท
เราประเมินราคาเป้าหมายโดยวิธี DCF (ปี 2024) และใช้สมมติฐาน risk free rate ที่ 3.5%, market risk premium ที่ 8% และ beta ที่ 1.2 ทั้งนี้ เราคาดว่าแนวโน้มกำไรรายไตรมาส และวัฏจักรของกำไรจะเริ่มเข้าสู่ขาขึ้นในปี 2024 ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยกระตุ้นราคาหุ้น
