KS Daily View 30.01.2024 >>> คาด SET ปรับตัวขึ้น หลัง US10Y bond yield ร่วง 9bps. คาดดัชนีปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,370-1,390 จุด หุ้นแนะนำ AMATA, BTG

สรุปภาวะตลาด

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.59%S&P500 +0.76% NASDAQ +1.12%; Dollar index -0.1% เป็น 103.41 และค่าเงินบาทปิดที่ 35.42; ราคาน้ำมันดิบ Brent Futures -1.38% เป็น 82.40/bbl; ราคาทองคำ +0.6% เป็น 2030.8/ounce;  US 10Y yield -9.4bps เป็น 4.066%

ในประเทศ: SET Index +8.130 จุด หรือ +0.59% ปิดที่ 1376.28 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ AWC (+5.21%), STA (+4.97%), SJWD (+4.55%), CBG (+4.04%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ DELTA (-3.66%), AMATA (-2.75%), RBF (-2.34%), ITC (-2.16%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

คาดดัชนีแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,370-1,390 จุด หลังกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ปรับลดวงเงินการประมูลพันธบัตรสหรัฐฯสำหรับ 2QFY24 (ม.ค.-มี.ค.) จากรอบก่อนหน้าส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับลดลงกว่า 9bps. หนุนตลาดหุ้นภาพรวมปรับตัวขึ้นต่อได้ สำหรับคืนนี้แนะติดตามตัวเลขงานเปิดใหม่ของสหรัฐฯ (JOLTs job openings) สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 8.79 ล้านตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 8.69 ล้านตำแหน่ง

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ปรับลดวงเงินการประมูลพันธบัตรสหรัฐฯสำหรับ 2QFY24 (ม.ค.-มี.ค.) ลงเป็น 7.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ จากวงเงินเดิมที่ 8.16 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่เคยประกาศไปช่วงปลายเดือน ต.ค. นอกจากนี้ทางกระทรวงการคลังได้มีการเปิดเผยวงเงินประมูลพันธบัตรสำหรับ 3QFY24 (เม.ย.-มิ.ย.) ลดลงต่อเป็น 2.02 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ สาเหตุที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯปรับลดวงเงินเนื่องจากกระแสเงินสดรับสูงเกินคาด จากอุปทานพันธบัตรที่ลดลงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีปรับตัวลง 9bps. เป็น 4.066%

2.) ศาลฮ่องกง สั่งให้เอเวอร์แกรนด์ ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวเลิกกิจการ ขายสินทรัพย์ชำระหนี้ 3.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังล้มเหลวในการนำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท โดยนักลงทุนส่วนใหญ่กำลังจับว่าศาลล้มละลายที่จีนจะมีคำตัดสินยืนตามศาลที่ฮ่องกงหรือไม่ เนื่องจากใช้กฎหมายคนละระบบ และทรัพย์สินส่วนใหญ่ของบริษัทกว่า 90% อยู่ในประเทศจีน ทำให้การบังคับคดีทำได้ยาก โดยหากคำตัดสินต่างกันจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในเรื่องอำนาจศาลของฮ่องกงในการพิทักษ์ผลประโยชน์ของนักลงทุนต่างชาติเมื่อเทียบกับอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

3.) สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า กระทรวงการคลังอินเดีย ระบุว่า “เศรษฐกิจอินเดีย” มีแนวโน้มที่จะเติบโต 7% ในปีงบประมาณหน้า และอาจเกินอัตราดังกล่าวในปีต่อๆ ไป โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการเงินที่แข็งแกร่งและการปฏิรูป (การศึกษา สุขภาพ ความมั่นคงด้านพลังงาน การลดภาระการปฏิบัติตามกฎระเบียบสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และการปรับปรุงความสมดุลทางเพศในตลาดแรงงาน) ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าคาดการณ์ของBloomberg ที่ 6.3% ทั้งนี้กระทรวงการคลังอินเดียตั้งเป้าว่าเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวสู่ระดับ 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2023 จากระดับปัจจุบันที่ 3.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,340-1,390 จุด ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า sentiment หุ้นไทยยังคงถูกกดดันจากแรงขายต่างชาติบน 1.) แนวโน้มการเติบโตของ GDP และกำไร บจ. ในประเทศพัฒนาแล้วสูงกว่าไทยโดยเปรียบเทียบ 2.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อจากการส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อเนื่องของเฟดเพื่อกดให้เงินเฟ้อระยะยาวลงสู่เป้าหมายที่ 2% โดยที่เฟดยังคงมั่นใจกับทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ 3.) ตลาดหุ้นไทยยังไม่ถูกในเชิง PER เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค สำหรับปัจจัยสำคัญอื่นๆที่ต้องติดตามได้แก่ การรายงานงบ 4Q23 ของ บจ. ไทย, ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ธ.ค. ของไทยโดย ธปท., คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีที่พรรคก้าวไกลลงชื่อแก้ไข ม.112 และนำเรื่องแก้ไข ม.112 ไปหาเสียงว่าขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่, ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน และดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ รวมถึงตัวเลข GDP 4Q23 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ม.ค. ของยูโรโซน และดัชนีPMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษเดือน ม.ค.

หุ้นแนะนำวันนี้

AMATA (ราคาพื้นฐาน 5.70 บาท) ราคาหุ้นปรับตัวลงมากว่า -21% YTD จากความกังวลงบ 4Q23 และยอดขายที่ดินอาจชะลอในปี 2567 มองเป็นโอกาสเข้าสะสมจากแนวโน้มการย้ายฐานออกจากจีนยังมีต่อเนื่องอีกหลายปีบนสถานการณ์ที่จีนกับสหรัฐฯยังคงขัดแย้งกันต่อ ขณะที่ Backlog ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.38 หมื่นลบ. และอุปสงค์ในนิคมฯ ที่สูง จะทำให้ธุรกิจและแนวโน้มกำไรของบริษัทฯ มีความโดดเด่น

BTG (ราคาพื้นฐาน 24.40 บาท) คาด BTG จะรายงานผลขาดทุนลดลงในไตรมาส 4/66 และมีโอกาสพลิกเป็นกาไรในในไตรมาส 1/67  จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นเนื่องจากราคาสุกรในประเทศที่ฟื้นตัวและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนการเลี้ยงทยอยปรับตัวลดลง โดยล่าสุดราคาถั่วเหลือง และข้าวโพดล่วงหน้าในตลาดสหรัฐฯปรับตัวลงต่อทำจุดต่ำสุดในรอบ 2-3 ปีจากปริมาณผลผลิตเพิ่ม

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขอัตราการว่างงานของญี่ปุ่น สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 2.5% ทรงตัวเมื่อเทียบบกับเดือนก่อนหน้า และติดตามตัวเลขGDP เบื้องต้นของยุโรปสำหรับไตรมาสที่ 4/66ตลาดคาดที่ -0.1% QoQ และ +0.0% YoY เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ -0.1% QoQ และ +0.4% YoY ต่อด้วยช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขงานเปิดใหม่ของสหรัฐฯ (JOLTs job openings) สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 8.79 ล้านตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 8.69 ล้านตำแหน่ง และปิดท้ายที่ัตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ (CB consumer confidence) สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 111.3 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 111.5จุด
  • วันพุธ ติดตาม ตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของจีนสำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 49.0 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49.2 ต่อด้วยช่วงคืนติดตามตัวเลขจ้างงานของสหรัฐฯ (ADP employment change) สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 1.30แสนตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.25 แสนตำแหน่ง และติดตามผลการประชุม FOMC ของสหรัฐฯ โดยตลาดคาด Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.50%
  • วันพฤหัสฯ ติดตามดัชนีภาคการผลิตของยุโรปสำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 46.6 ทรงตัวเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 46.6 ต่อด้วยผลประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโบายไว้ที่ 5.25% ปิดท้ายช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ (ISM manufacturing PMI) สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 47.4 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 47.6 และการประชุมของกลุ่ม OPEC+
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (Non-farm payrolls) สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 1.62 แสนตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.16 แสนตำแหน่ง ต่อด้วยอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ (Unemployment rate)สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 3.7% ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และติดตามตัวเลขค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยรายชั่วโมงของสหรัฐฯ (Average hourly earnings) สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ +0.3% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.3% MoM
- Advertisement -