บล.ฟินันเซีย ไซรัส: 

SCG DECOR (SCGD TB)

เริ่มเข้าสู่การฟื้นตัวในปี 2024 

  • กำไรปกติปี 2023 ที่ 775 ล้านบาท (+6% y-y) จาก SG&A ลดลง แต่ภาพรวมไม่สดใสยอดขาย -20% y-y กดดันจากอุปสงค์ต่างประเทศ ส่วน GPM ขยับขึ้นเล็กน้อย
  • ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2024-2025 เป็น +71% y-y และ +11% y-y ตามลำดับ
  • ปรับลดราคาเหมาะสมเป็น 12 บาท แนะนำซื้อลงทุน คาดหวังการฟื้นตัวจากฐานต่ำ

กำไรปกติปี 2023 +6% y-y ที่ 775 ล้านบาท แต่ต่ำกว่าคาด

SCGD รายงานกำไรสุทธิปี 2023 เท่ากับ 328 ล้านบาท (จากขาดทุนปี 2022 ที่ -421 ล้านบาท) ซึ่งมีรายการ one-time รวม -447 ล้านบาท หลักๆ จากผลขาดทุนการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจ 249 ล้านบาท ขณะที่กำไรปกติอยู่ที่ 775 ล้านบาท (+6% y-y) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 9% จากค่าใช้จ่ายภาษีมากกว่าคาด โดยผลประกอบการที่ฟื้นตัวเล็กน้อย เนื่องจากค่าใช้จ่ายขายและบริหารลดลงเทียบกับปี 2022 ที่มีรายการพิเศษตั้งสำรองด้อยค่าโรงงานผลิตแผ่นหินประดิษฐ์

ยอดขายทั้งปีหดตัว กดดันจากอุปสงค์กระเบื้องต่างประเทศอ่อนแอ

ผลการดำเนินงานธุรกิจหลักปี 2023 ไม่สดใส โดยยอดขายรวมหดตัว 20% y-y อยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท สาเหตุหลักจากอุปสงค์กระเบื้องที่ชบเชาในต่างประเทศ ทั้งเวียดนามที่มีผลกระทบจากวิกฤติอสังหาฯ รวมถึงฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียที่กดดันจากเงินเฟ้อสูง ซึ่งยอดขายลดลง 23% y-y และ 13% y-y ตามลำดับ ส่วนยอดขายกระเบื้องในประเทศทรงตัวจากปี 2022 ตามความไม่แน่นอนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ยอดขายสุขภัณฑ์ในประเทศ (18% ของยอดขายรวม) +5% y-y จากฐานที่ไม่สูง ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทำได้ 23.6% ขยับขึ้นจากปี 2022 ที่ 23.3% จากต้นทุนราคาพลังงานที่ลดลงใน 2H23

ปรับประมาณการปี 2024-2025 ลง 20% ด้วยมุมมองระมัดระวังขึ้น

เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2024-2025 ลง 20% ต่อปี เป็น 1.3 พันล้านบาท (+71% y-y) และ 1.5 พันล้านบาท (+11% y-y) ตามลำดับ ด้วยมุมมองระมัดระวังขึ้นต่ออุปสงค์ตลาดกระเบื้อง โดยเฉพาะเวียดนามสัญญาณการฟื้นตัวยังไม่ชัดเจน โดยการเติบโตของผลประกอบการมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1) การลดลงของต้นทุนพลังงาน (30% ของต้นทุนการผลิต) โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติ 2) ปริมาณการขายปรับตัวดีขึ้น จากอุปสงค์กระเบื้องในประเทศหนุนภาคการท่องเที่ยวและมาตรการภาครัฐ พร้อมกับการฟื้นตัวของต่างประเทศจากฐานต่ำ รวมถึงกลยุทธ์ขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ไปอาเซียน

ปรับลดราคาเหมาะสมเป็น 12 บาท แนะนำซื้อลงทุน

เราปรับลดราคาเหมาะสมเป็น 12 บาท (จากเดิม 15 บาท) อิง PER เดิม 15x ราคาหู้ปัจจุบันมี Upside เปิดกว้าง และซื้อขายบน PE2024 โซนต่ำ 11.3x (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม วัสดุก่อสร้าง 13-14x) และ PBV ที่ 0.7x พร้อมกับจ่ายเงินปันผลงวดปี 2023 ที่ 0.15 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 1.6% ขึ้น XD 1 เม.ย. และจ่าย 22 เม.ย. 2024 ภาพรวมปี 2024 แรงกดดันด้านต้นทุนผ่อนคลายลงและอุปสงค์ที่ทยอยดีขึ้น แนวโน้ม 1Q24 รับปัจจัยบวกจาก High Season ธุรกิจกระเบื้องในไทยและเวียดนาม จึงแนะนำซื้อลงทุน

Investment thesis

เรามองว่าผลประกอบการของ SCGD ผ่านระดับต่ำสุดแล้วในปี 2022-2023 ขณะที่ปี 2024 มีทิศทางดีขึ้นทั้งด้านต้นทุนพลังงานที่ลดลง ส่วนยอดขายถูกผลักดันจากการพื้นตัวจากฐานต่ำของยอดขายในต่างประเทศ รวมถึงยอดขายสุขภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นจากกลยุทธ์รุกขยายตลาดจากเดิมในประเทศไปสู่อาเซียน

ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ณ สิ้นปี 2023 D/E ที่ 0.95x โดยภายหลังการ IPO SCGD มีความพร้อมด้านกระแสเงินสด และรองรับโอกาสในการขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อและควบรวมกิจการในอนาคต

Company profile

SCGD ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้น บุผนัง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศเวียดนาม ประเทศ ฟิลิปปินส์ และประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงธุรกิจผลิตสุขภัณฑ์ในประเทศไทย อีกทั้ง มีการจัดหาผลิตภัณฑ์เพื่อจัดจำหน่าย และมีร้านค้าปลีกเพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระเบื้องเซรามิก สุขภัณฑ์ และวัสดุปิดผิวอื่นๆ รวมถึงสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และการดำเนินงานด้านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ มีธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ การให้บริการธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

www.scgdecor.com

Catalysts

ปัจจัยหนุนต่อการเติบโตในปี 2024 คือ 1) การเติบโตของปริมาณการขาย 2) กลยุทธ์ขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ในอาเซียน 3) ต้นทุนพลังงานโดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติปรับลง 4) โอกาสการเข้าซื้อหรือควบรวม กิจการในอนาคต

Risks to our call

ความเสี่ยง 1) เศรษฐกิจและกำลังซื้อฟื้นตัวช้ากว่าคาด 2) ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ต่างประเทศ 3) ความผันผวนของต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบ 4) การนำเสนอสินค้าสุขภัณฑ์ในอาเซียนไม่ประสบความสำเร็จ 5) การตั้งสำรองด้อยค่าเพิ่มของโรงงานที่หยุดผลิต

- Advertisement -