บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Thai Stanly Electric (STANLY)

แนวโน้มเติบโตดีกว่าอุตสาหกรรม

  • Action TRADING (Downgrade)
  • TP upside (downside) +8.2%
  • Close Jan 29, 2024 Price (THB) 221.00
  • 12M Target (THB) 239.00
  • Previous Target (THB) 212.00

คาดกำไร 3Q66/67 เติบโต YoY ดีกว่าอุตสาหกรรม

เราคาดกำไรปกติ 3Q66/67 (สิ้นสุดธ.ค 2566) ที่ 403 ล้านบาท -19QoQ,+7%YoY ผลประกอบการเติบโต YoY โดย STANLY มีรายได้ที่ 3,650 ล้านบาท +1%YoY ถือว่าดีกว่าอุตสาหกรรมผลิตรถของประเทศที่ยอดผลิตในเดือน ต.ค.-ธ.ค.ชะลอตัว 11%YoY ตามการบริโภครถยนต์ในประเทศที่ลดลง ขณะที่ STANLY มีโมเดลใหม่ที่ได้รับเพิ่มขึ้น 5 โมเดล โดยมีโมเดลใหญ่ MITSUBISHI All New triton ซึ่งเป็น Global Model และโมเดลใหม่จากลูกค้า HONDA ช่วยชดเชยกับยอดขายโมเดลอื่นที่ปรับลดลง ขณะที่ชะลอตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ซึ่งในไตรมาสก่อนจะมีบันทึกเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมเข้ามา ด้านประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้นทั้ง QoQ และYoY โดย EBITDA Margin อยู่ที่ 20.6% ปรับเพิ่มจาก 2Q66/67 และ 3Q65/66 ที่ 19.2% และ 20.2% ตามลำดับ จากนโยบายควบคุมต้นทุน และต้นทุนค่าไฟที่ลดลง

แนวโน้ม 4Q66/67 คาดเติบโต QoQ, YoY

แนวโน้ม 4Q66 คาดผลประกอบการจะเติบโต QoQ, YoY จากคำสั่งซื้อโมเดลใหม่ที่รับรู้เต็มไตรมาส เราคงประมาณการกำไรปี 2566/67 ที่ 1,867 ล้านบาท +7%YoY ซึ่งเราประเมินผลประกอบการเติบโตดีกว่า อุตสาหกรรมที่ยอดผลิตรถยนต์ในปี 2566 ที่คาดชะลอตัว 2 %YoY เป็น 1.9 ล้านคัน เนื่องจาก STANLY ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มราว 7-8 โมเดล สำหรับสินค้าหลอดไฟทั้งไฟหน้า-ไฟท้าย ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงโมเดลใหม่ที่เป็นคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ

คาดรับผลบวกจาก EV ค่ายรถเริ่มเดินเครื่องผลีตภายในปี 2567

เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการมาของ EV ซึ่ง STANLY มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่งในตลาดโคมไฟและหลอดไฟรถยนต์และจักรยานยนต์ จึงมีโอกาสได้ออร์เดอร์ค่อนข้างสูง ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ Honda ประกาศเปิดสายการผลิต EV แล้วในปีนี้ ขณะที่ค่ายจีนที่มาตั้งฐานการผลิตในไทย คาดว่าช่วง 1-2 ปี แรกยังเป็นการนำเข้ามาจำหน่ายก่อน และจะเริ่มผลิตในประเทศในปลายปี 2567 ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างเจรจา ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะได้คำสั่งซื้อ ซึ่งทาง STANLY ได้เตรียมโรงงาน Lamp8 ไว้รองรับคำสั่งซื้อจาก EV ไว้แล้ว

ปรับคำแนะนำเป็น “TRADING”

  • เราคาดผลประกอบการในปี 2566/67 (สิ้นสุด มี.ค.67) เติบโต 7%YoY ถือว่าดีกว่าอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ที่ชพลอตัว 2%YoY อย่างไรก็ตามราคาหุ้น STANLY ปรับเพิ่ม 27% ในรอบ 3 เดือน สะท้อนปัจจัยบวกไปพอสมควร ทำให้เราปรับคำแนะนำจากเดิม “ซื้อ” เป็น “TRADING”
  • เราปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานเป็นปีหน้า (สิ้นสุด มี.ค.68) ที่ 239 บาท จากเดิมที่ 212 บาท โดยใช้ PER เฉลี่ย 5 ปี ที่ 8.7x
  • ด้านสถานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash ไม่มีภาระหนี้สิน และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามปีนี้เราคาดว่าบริษัทจะกลับมาจ่ายปันผลปกติ เทียบปีก่อนที่บริษัทมีการจ่ายปันผลพิเศษ เนื่องจากเป็นการฉลองครบรอบ 40 ปี ของการก่อตั้งบริษัท เราคาดปันผลปีนี้ที่ 10.43 บาท คิดเป็น Dividend Yield 5.9% จากราคาปัจจุบัน

ปัจจัยเสี่ยง : 1) การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก 2) ประเด็นสงคราม อิสราเอล-ฮามาส ต่อการส่งออกรถยนต์ ปัจจุบันถือว่าน้อย ประเทศไทยส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบอุปกรณ์ไปอิสราเอลสัดส่วนราว 1% ของการส่งออกรวม 3) การแข่งขันที่รุนแรงในตลาด EV

- Advertisement -