BM ตอกย้ำความแข็งแกร่งธุรกิจ คาดการณ์รายได้รวมปี 2566 ทะลุ 1,400 ล้านบาท เติบโต 10% ตามเป้า พร้อมนับถอยหลัง Grand Opening โรงงานแห่งใหม่ เขต Free Zone ไตรมาสแรกปี 2567 หนุนกำลังผลิต ต่อยอดธุรกิจส่งออกโตก้าวกระโดด พร้อมจับมือพาร์ทเนอร์ต่างชาติที่มีศักยภาพ ดันรายได้ปี 2567 โตต่อเนื่องตามแผน 10%
นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยภาพรวมการดำเนินงานปี 2566 ว่า ยังสามารถเติบโตต่อเนื่องตามเป้าหมายที่วางไว้ สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ทางธุรกิจที่กำหนดไว้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ไตรมาส 4/2566 ทำ New High จากไตรมาสก่อนหน้า และคาดการณ์เป้ารายได้รวมปี 2566 ไว้ที่ 1,400 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565) ที่มีรายได้รวม 1,305.22 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากธุรกิจ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มส่งออก กลุ่มงานผลิตตู้โลหะ และกลุ่มงานกลุ่มเครื่องมือและเครื่องจักรกล โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกมีอัตราการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว
สำหรับแผนธุรกิจปี 2567 บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนตามแผน สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจประเทศและเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยเตรียมเปิดใช้สิทธิประโยชน์โรงงานแห่งใหม่ ที่ขออนุญาตเป็นเขตปลอดอากร (Free Zone) เฟสแรก บนเนื้อที่ 25 ไร่ ตำบลบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ภายในครึ่งปีแรกของปี 2567 ทำให้บริษัทสามารถขยายกำลังการผลิตรองรับออเดอร์ที่เข้ามาเพิ่มในทุกๆ ไตรมาส ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน สนับสนุนการรับรู้รายได้จากการส่งออกเติบโตขึ้นจากเดิมประมาณ 20% และยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นๆ ที่สนใจ เข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีอากรต่างๆ เช่น ยกเว้นอากรขาเข้า อากรขาออก เป็นต้น
นายธานิน ยังกล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมจับมือกับพันธมิตรทางการค้า เพื่อผนึกความแข็งแกร่งและขยายโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนและตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย รวมถึงการขยายการผลิตตู้จากโลหะในแบบต่างๆ เพิ่มเติม รองรับเทรนด์อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ให้กับกลุ่มลูกค้า B2B รวมถึงการรับจ้างผลิตแบบ OEM พร้อมจัดหากลุ่มสินค้า High Margin เข้ามาเสริมทัพ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าปี 2567 เติบโต 10%
“การเปิดโรงงานแห่งใหม่ ที่ขออนุญาตเป็นเขตปลอดอากร (Free Zone) อย่างเป็นทางการในปี 2567 เป็นหนึ่งในปัจจัยบวกที่เข้ามาช่วยทำให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด สามารถรักษาศักยภาพและสร้างโอกาสการเติบโตของผลการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง” นายธานิน กล่าว