บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Global Power Synergy (GPSC)
4Q66 ชะลอ แต่อยู่ในคาดการณ์ของเราอยู่แล้ว
- Action BUY (Maintain)
- TP upside (downside) +15.2%
- Close Jan 30, 2024 Price (THB) 49.50
- 12M Target (THB) 57.00
- Previous Target (THB) 57.00
4Q66 ชะลอ QoQ.…แต่ไม่ Surprise
คาด 4Q66 กำไรสุทธิจะทำได้ 564 ล้านบาท -69% QoQ หากไม่รวมค่าตัดจำหน่ายมูลค่ายุติธรรมของ สินทรัพย์สุทธิที่ได้จากการซื้อ GLOW จำนวน 460 ล้านบาท กำไรปกติจะอยู่ที่ 1.0 พันล้านบาท -53% QoQ จาก 1) ผลกระทบนโยบายค่าไฟฟ้าเดือนก.ย. – ธ.ค. ที่ 3.99 บาท เต็มไตรมาส (vs 1 เดือนใน 3Q66) 2) ปริมาณขายไฟฟ้า – ไอน้ำลดลงตามอุปสงค์ช่วงปลายปี และลูกค้าปิดซ่อมบำรุง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 3) ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนปรับตัวลดลงจากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ซึ่งเป็นไปตามปริมาณน้ำที่ต่ำลงตามฤดูกาล และขาดทุน FX จากเงินบาทแข็งค่า 4) ค่าใช้จ่ายการบริหารเพิ่มขึ้นช่วงปลายปี 5) ไม่มีเงินปันผลรับจาก RPCL ทั้งนี้ กำไรที่ลดลง QoQ ถือว่าสอดคล้องกับมุมมองเราก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับ 4Q65 ยังสามารถพลิกจากขาดทุนเพราะอัตรากำไฟื้นตัว และโรงไฟฟ้า Glow Energy Phase 5 ผลิตตามปกติ หาก 4Q66 ตามคาด กำไรสุทธิปี 2566 จะทำได้ 3.8 พันล้านบาท ส่งผลให้ประมาณการปี 2566 ของเรามี Upside เล็กน้อย 4%
ทิศทางค่าไฟฟ้าปี 2567 ทยอยลด ภาระคงค้างของโรงไฟฟ้าช่วงก่อนหน้า
วันที่ 10 ม.ค. กกพ. เห็นชอบให้เรียกเก็บค่าไฟ Ft เดือนม.ค. – เม.ย. 2567 สำหรับกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไปที่ 39.72 สตางค์/หน่วย และอัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย โดยค่าไฟระดับดังกล่าวลดลงจากข้อเสนอของกกพ. ก่อนหน้าที่ 4.68 บาท/หน่วย เพราะกกพ.ปรับลดสมมติฐาน Spot LNG, นโยบาย Single Pool,เรียกคืนค่า Shortfall จาก PTT อย่างไรก็ตาม อัตราค่าไฟฟ้าดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นจากงวดเดือนก.ย. – ธ.ค. 2566 ที่อยู่ต่ำเพียง 3.99 บาท/หน่วย และได้รับการช่วยเหลือด้านต้นทุนก๊าซตามนโยบาย Single Pool และ ค่า Shortfall นอกจากนี้ กกพ. ยังเริ่มส่งสัญญาณขยับค่าไฟฟ้างวดเดือนพ.ค. – ส.ค. ขึ้นเป็น 4.25 บาท
ทิศทางกำไรฟื้นตัว
แนวโน้ม 1Q67 ฟื้นตัว QoQ ตามการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าที่ 4.18 บาท, ต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง โดยเฉพาะราคา ถ่านหิน, ค่าใช้จ่ายต่ำลงตามฤดูกาล ส่วนช่วงที่เหลือของปีคาดอัตรากำไรของโรงไฟฟ้า SPP เร่งตัวขึ้นจากแนวโน้มค่าไฟฟ้าประคองตัว, ต้นทุนเชื้อเพลิงลดลงตามทิศทางราคาพลังงานในตลาดโลก (ผ่านช่วง High Season ในฤดูหนาว และความต้องการใช้ชะลอตัวตามเศรษฐกิจ) และการเร่งผลิตก๊าซในอ่าวไทย (คาดปริมาณก๊าซแหล่งเอราวัณแตะ 800 mmscfd ในเดือนเม.ย. 2567 vs เดือนธ.ค. 2566 คาดอยู่ระดับ 400 mmscfd) คงประมาณการปี 2567 เติบโต +47% YoY เป็น 5.3 พันล้านบาท
ระยะกลาง – ยาวยังน่าสนใจ
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 57.00 บาท จาก 1) ทิศทางกำไรปี 2567 ดีขึ้นต่อเนื่องตามการทยอยลดลงของต้นทุนเชื้อเพลิง 2) Valuation ยังไม่แพง ปัจจุบันซื้อขายบน PER ที่ 19.3 เท่า (-0.9 SD) และ PBV ที่ 1.3 เท่า (-1.0 SD) 3) ได้ประโยชน์จาก Bond Yield ผ่านจุดสูงสุด 4) มีการเติบโตระยะยาวจากการขยายธุรกิจเครือ PTT 5) เทียบกับคู่แข่งในธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP บริษัทฯ มีจุดเด่นจากศักยภาพการเปลี่ยนสูตรค่าไฟฟ้าราคาเป็น Gas Link เพราะกลุ่มลูกค้าหลัก (อุตสาหกรรมปิโตรเคมี) จะได้ประโยชน์แบบ Win-Win เนื่องจากราคาขายปิโตรเลียม – ปิโตรเคมีเคลื่อนไหวตามราคาก๊าซธรรมชาติเช่นกัน โดยสูตรราคา Gas Link จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้กำไร บรรเทาผลกระทบจากนโยบายแทรกแซงค่าไฟฟ้า (ปัจจุบันบริษัทฯทยอยเปลี่ยนแล้ว 15% ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 25% ในปี 2567) (ประกาศผลประกอบการวันที่ 9 ก.พ.)