ธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยเดือน มี.ค.
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.8% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ คงดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม FED ส่งสัญญาณจะไม่มีการปรับลดดอกเบี้ย ในการประชุมเดือน มี.ค. ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.4% กังวลอุปสงค์จากจีนหลังรายงานดัชนี PMI ที่ยังอยู่ในภาวะหดตัว
Market Outlook
เมื่อวานที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือนธ.ค. พบว่าโดยรวมขยายตัวชะลอลง เพราะรายรับภาคการท่องเที่ยวและมูลค่าส่งออกชะลอลงจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวช้า และส่วนนึงจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวของภาคการส่งออก อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอชนและภาคบริการยังขยายตัวต่อเนื่อง เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยการบริโภคกำลังหนุนจากสินค้าไม่คงทนและหมวดบริการ ส่วนหนึ่งได้รับผลดีจากมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ ขณะที่การใช้จ่ายหมวดสินค้าคงทนลดลงจากยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคล ประเมินเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยวและบริการ (AOT CENTEL M MINT) พร้อมกับรายงานดุลบัญชีเดินสะพัดที่ 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นปัจจัยบวกค่าเงินบาท
สำหรับผลประชุม FED เมื่อคืนที่ผ่านมา มีมติคงดอกเบี้ยสอดคล้องกับที่นักลงทุนประเมินไว้ อย่างไรก็ตามระบุชัดเจนว่า ยังไม่มีแผนปรับลดดอกเบี้ยลงเพราะเงินเฟ้อยังไม่ปรับลงมาตามเป้าหมายระดับ 2% แต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นก็ถือว่ามาถึงจุดสูงสุดแล้ว และส่งสัญญาณจะยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. พร้อมระบุโอกาสเกิด Soft Landing เป็นไปได้ ภายหลังจากทราบข้อมูลทั้งหมดพบว่า US Bond Yield ทั้งรุ่นอายุ 2 และ 10 ปีปรับลง พร้อมกับราคาทองคำปรับขึ้น และความเห็นจาก CME FED Watch ยังให้น้ำหนัก 50 / 50 ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยหรือคงดอกเบี้ย ขณะเดียวกันสหรัฐฯรายงานการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ที่ 1.07 แสนรายแย่กว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 1.48 แสนราย แม้จะน้อยกว่าคาดการณ์แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในเกือบทุกอุตสาหกรรม ส่วนคืนนี้รอติดตามดัชนี PMI ของสหรัฐฯจากสถาบัน ISM Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 47.2 พร้อมกับผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.13 แสนราย หากรายงานแล้วตัวเลขชี้ทางเศรษฐกิจอ่อนแอจะเป็นบวกกับตลาดจากการคาดหวังผ่อนคลายนโยบายการเงิน
วันนี้ประเมิน SET ปรับตัวลงในกรอบ 1350 – 1363 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังคงมองดัชนีระดับ ปัจจุบันเป็นโอกาสทยอยสะสมลงทุนระยะกลางเน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ค้าปลีก (CPALL HMPRO ILM) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) การเงิน (SAWAD TIDLOR) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) สื่อสาร (ADVANC) Trading ระยะสั้นวันนี้แนะนำกลุ่มสายการบิน (AAV BA)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 84.50 บาท)
ปี 24 เราคาดว่าผลประกอบการยังเติบโตได้ดี หลังมีการเปิดโครงการใหม่ อีก 2 แห่งที่นครสวรรค์และนครปฐม และรับรู้รายได้จากศูนย์เวสท์วิลล์ที่เปิดในเดือน พ.ย. 23 เต็มปี ทำให้เบื้องต้นเราคาดกำไรที่ 15,161 ล้านบาท (+5%YoY)
AOT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 74.00 บาท)
ผลประกอบการงวด FY1Q24 ยังคงเติบโตต่อเนื่องมีกำไรสุทธิมากกว่า 5,000 ล้านบาท หลังจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 12% QoQ,+26%YoY มาอยู่ที่ระดับ 28.9 ล้านคน นอกจากนี้ AOT ยังมีปัจจัยบวกเรื่องการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ซึ่งภาครัฐฯ มีการประเมินนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 34-35 ล้านคน จากระดับ 28 ล้านคนในปี 23 รวมถึงการเปิดฟรีวีซ่าไปยังประเทศจีนที่จะเริมเดือน มี.ค. 24