Daily Focus: Earnings and Selective Play

2024 SET Target : 1520

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงในช่วงเปิดตลาด ก่อนจะฟื้นตัวได้ดีกว่าที่ประเมิน หนุนโดยหุ้นขนาดใหญ่ เช่น AOT PTT CPALL CPAXT SCC ADVANC เป็นต้น หนุนให้ดัชนีปิดบวกได้เล็กน้อย 3.44 จุด ณ สิ้นวัน ที่ระดับ 1,367.96 จุด อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายบางลงเหลือ 4.2 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.4 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 2.1 พันลบ. (และพลิกมา Long Index Futures ถึง 1.4 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยคาดแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,360-1,380 จุด โดยได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนที่มีแนวโน้มกลับมาไหลเข้าระยะสั้น หลัง Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯที่ปรับตัวลงโดย ล่าสุดอายุ 10 ปีอยู่ที่ 3.88% จากทั้งความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยของ FED ในปีนี้ รวมถึงเริ่มมีประเด็นความกังวลในกลุ่ม Regional Bank สหรัฐฯ ที่มีการปล่อยสินเชื่อในกลุ่ม Commercial Real Estate สูง ที่เริ่มเห็นผลประกอบการอ่อนแอ ขณะที่ประเด็นสงครามในตะวันออกกลางเริ่มมีสัญญาณบวก หลังมีข่าวว่าอิสราเอล-ฮามาสจะมีการหยุดยิงและแลกตัวประกัน ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง โดย Brent ล่าสุดอยู่ที่ US$78.7 ต่อบาร์เรลเป็นบวกต่อกำลังซื้อและเงินเฟ้อในประเทศ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคืนนี้ตือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ เดือน ม.ค. (ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 1.8 แสนตำแหน่ง) โดยหากออกมาต่ำกว่าคาดจะยิ่งเพิ่มความคาดหวังต่อโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ในการประชุมครั้งหน้า สัปดาห์หน้าในประเทศติดตามการประชุมกนง. ทั้งมุมมองดอกเบี้ยและการปรับลดประมาณการ GDP ลง รวมการประกาศกำไร 4Q23 บจ.ที่จะทยอยหนาแน่นขึ้น ซึ่งต้องติดตามการปรับปรับประมาณการกำไรปี 2024 ระยะกลาง-ยาว เรายังมองจังหวะปรับลงของดัชนีเป็นโอกาสในการทยอยสะสมเพื่อถือลงทุน ส่วนระยะสั้นเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมีประเด็นบวกเฉพาะตัว

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่ง และ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid

หุ้นเด่นเดือน ก.พ.: CPALL, ITEL, MINT, PR9, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : SNNP

  • แนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 22 บาท
  • คาดกำไร 4Q23 ทำ New High ที่ 167 ลบ. +5% q-q, +10% y-y จาก high season โดยเฉพาะรายได้เวียดนามที่เร่งขึ้นเป็นจุดสูงสุดของปี จาก U-rate ที่สูงขึ้น และ Product Mix ที่ดี หนุน Gross Margin ทำ New High ส่วน Siri pro ยังขาดทุนแต่จะทยอยดีขึ้น จบปี 2023 คาดกำไรที่ 638 ลบ. +24% Y-Y
  • บริษัทตั้งเป้ารายได้ในประเทศปี 2024 โต Double Digit และให้เป้าต่างประเทศโตมากกว่าอาจโตอยู่ในกรอบ 20-30% จากเวียดนาม เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ ส่วนเป้า Gross Margin Aggressive มากขึ้นให้กรอบ 30-31% เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2024 ขึ้นเป็น 785 ลบ. +23% Y-Y
  • แนวรับ 18.20-18 บาท แนวต้าน 19.40//20 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคสุทธิหนาแน่นผิดคาด US$2,020 ล้าน ไหลเข้าทุกประเทศ นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,007 ล้าน และ US$886 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนไหลเข้าไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$56-59 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าจากกระแสเงินทุนที่มีแนวโน้มไหลเข้าเอเชีย ต่อเนื่องจาก Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯที่ย่อตัวลง ส่วนคืนนี้ต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) จับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐเดือน ม.ค. 2024 คืนนี้ ตลาดคาดการจ้างงานนอกภาคการเกษตร +1.8 แสนตำแหน่ง ลดลงจาก +2.16 แสนต่าแหน่งในเดือนก่อนหน้า และตลาดยังคาดอัตราการว่างงานเดือน ม.ค. 2024 ที่ 3.8% เพิ่มขึ้นจาก 3.7% ในเดือนก่อนหน้า หากตัวเลขออกมาตามคาด น่าจะบ่งชีว่าการเดิบโตของเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว ซึ่งจะหนุนเฟดที่ยังส่งสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งในปีนี้ และจะเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง

(+) BA จังหวะการซื้อหุ้น BA ที่ดีที่สุด คือ ช่วงนี้จนถึงงบ 4Q23 ออก เพราะตลาดอาจกังวลงบ 4Q23 ที่คาดว่าจะขาดทุนจาก low season และบันทึกโบนัสพนักงานก้อนโต ขณะที่มูลค่าพื้นฐานต่ำกว่าที่ควรเป็น เพราะ 1) สนามบินสมุยเป็นสนามบินไทยแรกที่ฟื้นสูงกว่า pre-Covid 2) valuation ของสนามบินสมุยในอดีตที่อยู่กับ SPF มี Market cap 22-23 พันลบ. แต่ปัจจุบัน BA นำ Samui กลับมาและออกกองใหม่ BAREIT มี market cap ของ BAREIT เพียง 11 พันลบ. 3) Market cap BA+SPF ในอดีตช่วง peak ปี 2016 อยู่ที่ 74 พันลบ. ปัจจุบัน Market cap BA+BAREIT อยู่ที่ 41 พันลบ. มีส่วนต่าง market cap คิดเป็น upside ใน BA ราว 16 บาท/หุ้น 4) BA market cap ปัจจุบัน 31 พันลบ. มี BDMS ซ่อนอยู่ราคาตลาดวันนี้ 20 พันลบ. 5) คาด BA ปีนี้กำไรโต 26% จาก ticket fares ที่น่าจะเพิ่มขึ้นเพราะราคาตั๋วสมุยพึ่งเริ่มขึ้นช่วงท้ายปี 2023 6) บริษัทเป็น net cash คงราคาเป้าหมาย 22 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) SIRI เผยแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2024 ทั้งหมด 46 โครงการ มูลค่ารวม 6.1 หมื่นลบ. -6% y-y โดยแบ่งเป็นแนวราบ 26 โครงการ มูลค่า 3.5 หมื่นลบ. -26% y-y ส่วนคอนโด 20 โครงการ มูลค่า 2.6 หมื่นลบ. +44% y-y มองว่าเป้าบริษัทปี 2024 ค่อนข้างท้าทาย จากการพึ่งพาการขายหลักที่มาจากแนวราบซึ่งตลาดยังซบเซาและอัตราการขายช้าท่ามกลางการแข่งขันสูง หลังผู้ประกอบการหลายรายหันมาเน้นกลุ่ม Mid-to-High มากขึ้น ทำให้เราคงคาดยอดโอนต่ำกว่าเป้าบริษัท 8% ที่ 3.5 หมื่นลบ. -6% y-y ซึ่งมี Backlog รองรับแล้ว 39% คงคาดกำไรปกติปี 2024 ที่ 4.7 พันลบ. -5% y-y คงราคาเป้าหมาย 1.90 บาท หุ้นยังขาด Catalyst จากงบ 4Q23 และปี 2024 ชะลอลง ยังแนะนำถือ คาดปันผลงวด 2H23 ที่ 0.07 บาท/หุ้น

(+) BAY โทนประชุมนักวิคราะห์เป็นบวก โดยปี 2023 มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง (กำไรสุทธิ +7.2% y-y) จาก NIM ที่ปรับขึ้นและสินเชื่อเติบโต สามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี แนวทางธุรกิจ \ปี 2024 ตั้งเป้ารายได้สูงขึ้นทั้ง NIM และ non-NII ยกเว้นการเติบโตของสินเชื่อเท่ากับปี 2023 ขณะที่การตั้งสำรอง ECL และ Credit cost จะปรับขึ้น ด้านคุณภาพสินทรัพย์ NPL มีแนวโน้มปรับขึ้นจาก SME และรายย่อย และมีแผนขยายสินเชื่อไปในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเราชอบการขยายธุรกิจไป ภูมิภาคที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต ราคาหุ้นปัจจุบันถือเป็นราคาที่เหมาะสม แม้จะเทรดที่ 2024 P/BV 0.5 เท่า เทียบกับ ROE ที่ 8.8% และหุ้นไม่มีสภาพคล่อง

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 369.54 จุด หรือ +0.97% ปิดที่ 38,519.84 จุดโดยตลาดฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพุธ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ซึ่งรวมถึงแอปเปิ้ล และเมตาแพลตฟอร์มส์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารต่าง ๆ ในยุโรป รวมถึงจากบริษัทยาชั้นนำ อย่าง โรช และซาโนฟี

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกดดันตลาด และบดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก รีบาวน์ขึ้นจากที่ปิดลบในวันพฤหัส ขณะที่นักลงทุนจับตามองรายงานเงินเฟ้อของเกาหลีใต้และ ออสเตรเลีย

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 35.32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.68%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 73.82ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี หลังจากมีรายงานว่าการเจรจาพักรบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีความคืบหน้า ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้สงครามการสู้รบของทั้งสองฝ่ายยุติลง ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นอยู่ที่ระดับ 74.35 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.72%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 3.70 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 2,071.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 4% ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นที่ระดับ 2,072:90 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.09%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 851.73/ 0.07%

- Advertisement -