ปัจจัยต่างประเทศอาจกดดันตลาดหุ้นไทยเพียงระยะสั้น

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.7% หลังจากประธาน FED ย้ำว่ายังไม่รีบปรับลดดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่ง ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.9% ได้แรงหนุนจากคาดการณ์ว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางรวมทั้งสงครามยังไม่มีแนวโน้มยุติลง

Market Outlook

เมื่อวานที่ผ่านมาประธาน FED ให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 minutes ของสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า FED จะดำเนินการอย่างระมัดระวังในการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ และมีแนวโน้มจะปรับดอกเบี้ยลงช้ากว่าตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเจ้าหน้าที่ FED จำเป็นต้องรอดูข้อมูลทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อเป็นเครื่องมือยืนยันว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯปรับลงสู่เป้าหมายของ FED ที่ 2% ขณะเดียวกันเมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (ISM PMI) ที่ระดับ 53.4 ดีกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 52 ภายหลังจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2, 10 ปี ปรับขึ้นเด่น พร้อมกับ Dollar Index ปรับแข็งค่า ราคาทองคำและตลาดหุ้นปรับลง โดย CME FED Watch เริ่มปรับมุมมองให้น้ำหนักคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค. สูงขึ้นสู่ระดับ 85% จากก่อนหน้าที่ 50% ส่วนเดือน พ.ค. ยังให้น้ำหนักมากในทางลดดอกเบี้ยที่ระดับ 54% แต่ก็คงให้น้ำหนักอีก 37% ในทางคงดอกเบี้ยเช่นกัน สะท้อนถึงความมั่นใจต่อการลดดอกเบี้ยที่น้อยลงของนักลงทุน ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น

เช้านี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลง 0.56% ส่วนตลาดหุ้นไทยเชื่อว่าอาจปรับลงบ้างแต่ไม่ได้มองถึง Downside Risk ที่สูงมากด้วยปัจจัยบวกดังนี้ (1) เมื่อวานที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อประจำเดือน ม.ค. ลดลง 1.1%YoY โดยมีสาเหตุสำคัญจากการที่ภาครัฐมีมาตรการลดค่าครองชีพด้านพลังงานให้กับประชาชนด้วยการคงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท / ลิตร และการลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนบางส่วน ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดยังคงลดลงจากราคาผักสดและเนื้อสุกรตามปริมาณผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น มองเป็นบวกกับหุ้นร้านอาหาร (CENTEL M MINT) และกลุ่มการเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ตามต้นทุนการเงินที่ผ่านจุดสูงสุดแล้ว (2) ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยสูงขึ้นต่อเนื่อง ม.ค. 24 พบว่ามาทั้งหมด 3 ล้านคน (+42%YoY) และจีนขึ้นมาเป็น 5.08 แสนคน (+400%YoY) ทั้งนี้เชื่อว่า ก.พ. จะเร่งขึ้นต่อเนื่องจากตรุษจีน

วันนี้ประเมิน SET INDEX อ่อนตัวลงในกรอบ 1375 – 1380 เชิงกลยุทธ์การลงทุนหากปรับฐานยังมองเป็นโอกาสสะสมจากการค่อยๆฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และระดับ Valuation ที่น่าสนใจ เน้นที่กลุ่มค้าปลีก (BJC CPALL) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ศูนย์การค้า (CPN) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB TTB) ส่งออก (ITC TU) สื่อสาร (ADVANC) อสังหาฯ (AP ORI SPALI)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.70 บาท)

คาดผลประกอบการงวด 4Q23 TU จะมีกำไรสุทธิ 1,481 ล้านบาท (+20%YoY,+23%QoQ) ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงธุรกิจอาหารแช่แข็งที่ได้รับผลดีจากต้นทุนที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น แม้ว่าในส่วนของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปอย่างทูน่ากระป๋องจะมีรายได้ลดลง เพราะราคาขายลดลงตามต้นทุนปลาทูน่า โดยเราคาดรายได้จะสูงสุดของปีที่ 35,317 ล้านบาท (-11%YoY,+4%QoQ)

CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 84.50 บาท)

ปี 24 เราคาดว่าผลประกอบการยังเติบโตได้ดี หลังมีการเปิดโครงการใหม่อีก 2 แห่งที่นครสวรรค์และนครปฐม และรับรู้รายได้จากศูนย์เวสท์วิลล์ที่เปิดในเดือน พ.ย. 23 เต็มปี ทำให้เบื้องต้นเราคาดกำไรที่ 15,161 ล้านบาท (+5% YoY)

- Advertisement -