KS Daily View 06.02.2024 >>> Powell ยืนมุมมองไม่รีบลดดอกเบี้ย คาดนักลงทุนต่างชาติชะลอลงทุนตลาด EM คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,370-1,391 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ ADVANC, WHA

สรุปภาวะตลาด

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.71%S&P500 -0.32% NASDAQ -0.20%; Dollar index +0.36% เป็น 104.60 และค่าเงินบาทปิดที่ 35.8; ราคาน้ำมันดิบ Brent Futures +0.85% เป็น 77.99/bbl; ราคาทองคำ -0.6% เป็น 2027.1/ounce;  US 10Y yield 13.99bps เป็น 4.1617%

ในประเทศ: SET Index -0.150 จุด หรือ -0.01% ปิดที่ 1383.93 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ TTB (+4.47%), HANA (+3.61%), RBF (+3.17%), RCL (+2.88%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ HMPRO (-3.74%), CPN (-2.72%), CRC (-2.27%), STGT (-2.07%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,370-1,391 จุด หุ้น Emerging market (EM) มีโอกาสพักฐานต่อ หลัง US 10Y yield ปิดพุ่งต่อเนื่องอีก 14bps. เป็น 4.16% และค่าเงิน USD แข็งค่าต่อเนื่อง จากสหรัฐฯรายงานตัวเลข ISM PMI ภาคบริการเดือน ม.ค. ที่ 53.4 จุด ดีกว่าคาดที่ 52 จุด และเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 50.2 จุด และ Powell ยืนมุมมองไม่รีบลดดอกเบี้ย ดังนี้คาดว่า Flow นักลงทุนต่างชาติจะยังคงชะลอการลงทุนในตลาด EM รวมถึงหุ้นไทย และระวังแรงขายทำกำไรกลุ่มโรงไฟฟ้า และFinance ที่เก็งเรื่อง Bond yield ปรับลงสัปดาห์ก่อน

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ปัจจัยที่ต้องติดตามในวันนี้ได้แก่ การแถลงความคืบหน้าเงินดิจิทัลก่อนการประชุม ครม. วันนี้, แถลงการณ์เกี่ยวกับตัวเลขส่งออกเดือน ธ.ค. และแนวโน้มปี 2567 ของสภาผู้ส่งออกทางเรือ, การ update ตัวเลขการลงทุนทางตรงของ BOI และการประกาศงบ 4Q23 ของ ADVANC

2.) อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ม.ค.2567 ทรงตัว MoM และ -1.11% YoY (เทียบกับประมาณการของตลาดที่ -0.90% YoY) ถือเป็นระดับเงินเฟ้อที่ต่ำสุดในรอบ 35 เดือน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานไม่รวมพลังงานและอาหารสดทรงตัว MoM เช่นกัน แต่เพิ่มขึ้น 0.52% YoY ในเดือน ม.ค.2567 เงินเฟ้อที่ลดลงมีสาเหตุมาจากมาตรการของรัฐบาล ราคาเนื้อสัตว์และราคารถยนต์ เราเห็นโอกาสมากขึ้นที่ ธปท.จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากแรงกดดันของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอและอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง

3.) นายกฯเศรษฐา เผยผลหารือผู้กลุ่มบริษัท Delta Electronics เพิ่มการลงทุนในไทย 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หนุนสตาร์ท อัพ ปูทางยกระดับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สร้างไทยเป็นศูนย์กลาง ‘เซมิคอนดักเตอร์’ ในอนาคต โดยนักวิเคราะห์ KS ให้ความเห็นว่า DELTA ปัจจุบันพึ่งก่อสร้างโรงงานบางปู 8-9 เสร็จ ซึ่งโรงงาน 8 สร้างมาเพื่อขยายcapacity ชิ้นส่วน EV ส่วนโรงงาน 9 ก็คือติดกับโรงงาน 8 มีทางเชื่อมกัน จะใช้เป็น regional R&D center ตามในข่าวงบลงทุนปี 2023 น่าจะจบที่ประมาณ $290mn ส่วนปี 2024 คาดว่าจะเพิ่มประมาณ 10-20% หลักๆลงเครื่องจักรที่โรงงานใหม่ และมีลงทุนก่อสร้างโรงงาน Wellgrow 3-4 เพื่อรองรับ demand ที่เพิ่มขึ้นหลักๆจากลูกค้าDELTA Taiwan ที่เดิมสั่งจากโรงงานในประเทศจีน แต่จะ shift ออเดอร์มาให้เมืองไทยแทน เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงเรื่อง geopolitical โดยรวมมองภาพระยะยาวดี แต่ระยะสั้นช่วง 4Q23-1Q24 อาจจะมีการชะลอตัวลงบ้างในบาง business unit และผลกระทบเรื่อง logistics ไปยุโรป จาก Red Sea ที่อาจจะทำให้ออเดอร์ล่าช้าออกไป

4.) เราเชิญ ดร.ธราภุช จารุวัฒนะ ซีอีโอของบริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ จำกัด (IPG) มาพูดคุยและแบ่งปันความรู้เชิงลึกในธุรกิจโฆษณา ประเด็นสำคัญ 1) ดร.ธราภุชกล่าวว่า adex ในปี 2566เติบโตขึ้นแค่ 1.6% (เทียบกับ GDP ที่เติบโตขึ้น 1.8%) 2) IPG คาดว่า adex ในปี 2567 จะเติบโตขึ้น 2-3.5% และคาดว่ากลุ่มสื่อที่น่าจะทำผลงานได้ดีคือกลุ่มออนไลน์ (+7-10%) และ OOH (+4%) ตรงข้ามกับกลุ่มโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ 3) IPG เชื่อว่าแพล็ตฟอร์มออนไลน์จะเติบโตมากกว่าสื่อแบบดั้งเดิมอย่างต่อเนื่องโดยคาดจะคิดเป็นสัดส่วนที่มากถึง 80% ของงบโฆษณาในอีก 4 ปีข้างหน้าและ 4) IPG คาดว่าแนวโน้ม adex ในปี 2567 จะไม่สดใสมากนักซึ่งคาดจะทำให้ผู้ให้บริการด้านสื่อปรับเพิ่มค่าโฆษณาได้ยาก

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,360-1,391 จุด ในสัปดาห์นี้ โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน ม.ค. ของไทย, ผลการประชุมกนง. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการไตรมาส 4/66 ของบจ.ไทย โดยหาก กนง. มีการส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแย่อาจเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของตลาดต่อเนื่องได้ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนม.ค. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโซนและอังกฤษ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนม.ค. ของจีนเดือน ม.ค.

หุ้นแนะนำวันนี้

ADVANC (ราคาพื้นฐาน 249 บาท) คาดกำไรไตรมาส 4/66 ที่ 7.23 พันลบ. (เติบโต 11% YoY, -5% QoQ) หนุนจากรายได้ที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง และการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี พร้อมเปิด upsides จากการปรับราคาขึ้นเร็วกว่าคาด

WHA (ราคาพื้นฐาน 5.70 บาท) การย้ายฐานจากจีนมาอาเซียนรวมถึงไทยยังเป็นปัจจัยผลักดัน บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินในปี 2567 ที่ 2,225 ไร่ ซึ่งยังถือว่าค่อนข้างสูงมาก

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขอัตราค่าจ้างแรงงานของญี่ปุ่น (Average cash earnings) สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ -0.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.2% YoY ต่อด้วยตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่น (Household spending)สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ -2.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -2.9% YoY และติดตามตัวเลขค้าปลีกของยุโรป (Retail sales) โดยตัวเลขเดือนก่อนหน้ารายงานอยู่ที่ -1.1% YoY
  • วันพุธ ติดตาม การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย ตลาดคาดผลการประชุมจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% โดยประเด็นหลักสำคัญที่ต้องติดตามเพิ่มเติมคือ ตัวเลขการประมาณการทางเศรษฐกิจของไทยสำหรับปี 2566-67
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index – CPI) ของจีนสำหรับเดือน ม.ค. โดยตัวเลขรายงานในเดือนก่อนหน้าที่ -0.3% YoY ต่อด้วยติดตามบันทึกการประชุมและตัวเลขเศรษฐกิจของยุโรปที่ ECB ใช้ในการประเมินและตัดสินใจในการทำนโยบายการเงิน (ECB economic bulletin)
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index – CCI) ของไทยสำหรับเดือน ม.ค. โดยตัวเลขรายงานในเดือนก่อนหน้าที่ 62 จุด และติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index – CPI) ของเยอรมันสำหรับเดือน ม.ค. โดยตลาดคาดที่ +2.9% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.7% YoY
- Advertisement -