บล.ฟิลลิป:

ราชธานีลิสซิ่ง – THANI

คาดกำไร 4Q66 ลดลงทั้ง y-y และ q-q

Key Point

คาดกำไร 4Q66 ลดลงทั้ง y-y และ q-q จากต้นทุนดอกเบี้ย และการตั้งสำรองที่ยังสูง ถึงแม้จะคาดว่าสินเชื่อจะกลับมาฟื้นตัวได้ แต่ NPL และผลขาดทุนจากรถยึดจะยังคงสูงต่อเนื่อง และทำให้การตั้งสำรองยังสูงต่อเนื่องมาในปี 67 ทำให้ทางฝ่ายปรับลดประมาณการกำไร และราคาพื้นฐานลงเหลือ 2.90 บาท อย่างไรก็ตามยังมีส่วนต่างเหลือ และยังมีปันผลน่าสนใจ จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”

คาดกำไร 4Q66 มีกำไร 239 ลบ. ลดลง 32.2% y-y และ 4.5% q-q

คาด THANI มีกำไร 4Q66 239 ลบ. ลดลง 32.2% y-y และ 4.5% q-q ถึงแม้จะคาดว่าสินเชื่อจะกลับมาฟื้นตัว และทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย และการตั้งสำรองที่คาดว่าจะยังสูงขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรไตรมาสนี้ลดต่ำลง

สินเชื่อคาดกลับมาฟื้นตัว และ NPL น่าจะเพิ่มขึ้น

หลังจาก 3Q66 THANI มีการชะลอการปล่อยสินเชื่อไปเพื่อควบคุมความเสี่ยง ประกอบกับทางลูกค้าเองมีการชะลอการลงทุนไป แต่ใน 4Q66 ทางฝ่ายคาดว่าสินเชื่อของ THANI จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8% q-q และทำให้สินเชื่อทั้งปีเติบโต 5.6% y-y อย่างไรก็ตาม คาดว่า NPL อาจจะเพิ่มสูงขึ้นได้ต่อจาก 3Q66 ที่มีอยู่ 2.76% และผลขาดทุนจากการขายรถยึดอาจจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งทำให้การตั้งสำรองจะยังสูงต่อเนื่องจาก 3Q66 ที่มีการตั้ง 2.2% ของสินเชื่อรวม ซึ่งเป็นระดับที่เพิ่มสูงขึ้นมากจาก 2Q66 ที่มีการตั้งเพียง 0.92% ของสินเชื่อรวมเท่านั้น

การตั้งสำรองที่ยังสูงต่อ ทำให้ทางฝ่ายปรับลดประมาณการลง

คาดว่ากำไรปี 66 ของ THANI จะอยู่ที่ 1,365 ลบ. ลดลงจากปี 65 22.1% y-y ซึ่งต่ำกว่าที่ทางฝ่ายคาดไว้เดิมที่ 1,475 ลบ. เนื่องจากการตั้งสำรองที่คาดว่าจะสูงต่อเนื่องใน 4Q66 นอกจากนี้ทางฝ่ายยังมิการปรับลดประมาณการกำไรปี 67 ของ THANI ลงด้วยเหลือ 1,519 ลบ. เพิ่มขึ้น 11.4% y-y จากเดิมที่คาดไว้ที่ 1,769 ลบ. เนื่องจากการตั้งสำรองที่จะยังคงสูงต่อเนื่องไปในปี 67

ปรับลดราคาพื้นฐานลงเหลือ 2.90 บาท

จากการปรับลดประมาณการกำไรลง ส่งผลให้ราคาพื้นฐานปรับลดลงด้วยเหลือ 2.90 บาท อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับราคาปัจจุบันยังเหลือส่วนต่าง นอกจากนี้ยังคาดปี 67 THANI จะมีการจ่ายปันผล 0.15 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 5.8% ส่วนปี 66 คาดว่าจะมีการจ่าย 0.13 บาท/หุ้น คิดเป็น Div.yield 5% ยังแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย
  2. ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงสินเชื่อจากสถาบันการเงินเป็นหลัก
  3. ความเสี่ยงด้านคุณภาพของลูกหนี้
- Advertisement -