Daily Focus: Earnings and Selective Play

2024 SET Target : 1520

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลดลง สวนทางกับที่คาดว่าจะแกว่งขึ้น โดยดัชนีปิดลบ 11.42 จุด ณ สิ้นวัน ที่ระดับ 1,388.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางลงเหลือ 4.3 หมื่นลบ. กลุ่มที่กดดันตลาด ได้แก่ สื่อสารฯ อสังหาฯ ปีโตรเคมี อิเล็กทรอนิกส์ ค้าปลีก เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่บวกสวนตลาดได้ คือ กลุ่มท่องเที่ยว สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 186 ลบ.และ 1.9 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกมา Short Index Futures หนาแน่น 1.3 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,380-1,395 จุด โดยภาพรวมตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่มีนัยยะ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียหลายตลาดปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ทำให้มูลค่าการซื้อขายคาดว่าไม่หนาแน่นนัก ด้านตลาดสหรัฐฯ ยังคงขยับบวกได้อีกเล็กน้อย ขณะที่ Bond Yield ยังคงขยับขึ้นทำให้ Upside ของสินทรัพย์เสี่ยงยังไม่กว้าง ส่วน Bond Yield ของไทยวานนี้ปรับลงค่อนข้างแรงโดยอายุ 10 ปี ล่าสุดลงมาที่ 2.54% และค่าเงินบาทที่พลิกมาอ่อนค่าเกือบแตะระดับ 36 บาท/ดอลลาร์ ทำให้กระแสเงินทุนกลับมาไหลออกติดต่อกัน 2 วัน เราคาดว่าเป็นผลจากการประชุมกนง.ที่ให้มุมมองเศรษฐกิจที่ฟื้นช้ากว่าคาด รวมถึงเสียงของคณะกรรมการที่แตก ทำให้ตลาดเพิ่มความคาดหวังต่อโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดๆ ไป ขณะที่การประกาศกำไร 4Q23 บจ.จะทยอยหนาแน่นขึ้นใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งต้องจับตาว่าจะเห็นการปรับลดประมาณการปี 2024 ลงมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้ Bottom ในปี 2023 แล้วก่อนทยอยเร่งตัวขึ้นในปี 2024 โดยยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ รวมถึงงบประมาณ ปี 2024 ที่คาดว่าจะผ่านใน 2024 เรายังมองดัชนีที่ระดับ 1,350-1,360 จุด ยังน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว จังหวะปรับลงของดัชนีเป็นโอกาสในการทยอยสะสม และยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมีประเด็นบวกเฉพาะตัว

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่ง และ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid

หุ้นเด่นเดือน ก.พ.: CPALL, ITEL, MINT, PR9, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : MINT

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 44 บาท
  • รายงานกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 984 ลบ. แต่หากหักรายการพิเศษออก กำไรปกติจะอยู่ที่ 2.5 พันลบ. +5% q-q, +10% y-y หนุนจากธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะไทย ทั้งในด้านรายได้และ Margin ส่วนธุรกิจอาหารภาพรวมผลการดำเนินงานทรงตัว จบปี 2023 มีกำไรปกติ 7.1 พันลบ. +254% y-y
  • โมเมนตัมปี 2024 คาดว่ายังแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยคาดธุรกิจโรงแรมยังเป็นปัจจัยหลัก ทั้งในยุโรปที่คาดได้อานิสงส์จากฟุตบอลยูโรและโอลิมปิก ส่วนไทยคาดเร่งตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยว นอกจากนี้คาดว่าจะเห็นการทยอยคืนหนี้ทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง คาดกำไรปกติปี 2024 ที่ 8 พันลบ. +13% y-y
  • แนวรับ 30 บาท แนวต้าน 32//34 บาท

Fund Flow : วานนี้หลายตลาดในเอเชียปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยรวมกระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคสุทธิอีก US$377 ล้าน โดยยังกระจุกตัวที่เกาหลีใต้ US$414 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลเข้าฟิลิปปินส์เล็กน้อย US$17 ล้าน แต่ไหลออกจากไทยต่อเนื่องอีก US$54 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะเบาบาง เนื่องจากหลายตลาดปิดทำการจากเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ Bond Yield สหรัฐฯที่ขยับขึ้นทำให้การไหลเข้าของกระแสเงินบางลง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) เงินเฟ้อจีนเดือน ม.ค. 2024 ต่ำกว่าคาด โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบ -0.8% y-y แต่บวก +0.3% m-m เทียบกับ -0.3% y-Y, +0.1% m-m ในเดือน ธ.ค. 2023 ซึ่งติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และต่ำกว่าตลาดคาด -0.5% y-y จากราคาอาหารที่ปรับลงมากกว่าคาด ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน +0.4% y-y ลดลงจาก +0.6% y-y ในเดือนก่อนหน้า ตัวเลขดัวกล่าว บ่งชี้ว่าอุปสงค์ในจีนยังอ่อนแอ ทำให้ตลาดกังวลเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า แต่อย่างไรก็ตาม เรามีโอกาสเห็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนเพิ่มขึ้น

(+) MEGA คาดกำไรปกติ 4Q23 ที่ 576 ลบ. +10% q-q จากปัจจัยฤดูกาลที่ดีในไทย ทำให้รายได้คาดปรับตัวดีขึ้น ส่วน y-y คาด +12% y-y จากค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลง จบปี 2023 กำไรน่าทรงตัวที่ 2.2 พันลบ. Flat y-y อย่างไรก็ดี การเติบโตของ MEGA ในระดับสูงในช่วงโควิดได้จบลงแล้ว และคาดกำไรปี 2024-25 เติบโต 1% และ 6% ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 56 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PE ต่ำเพียง 15 เท่า ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) SC เรามองเป็นกลางต่อแผนธุรกิจปี 2024 บริษัทตั้งเป้าธุรกิจอสังหาฯเติบโตแบบไม่หวือหวา ท่ามกลางหลายปัจจัยท้าทาย แต่เน้นกระจายการลงทุนในธุรกิจ Recurring เพื่อสร้างสมดุลระยะยาว โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่ารวม 3 หมื่นลบ. แม้มูลค่าการเปิดตัวใหม่จะลดลง แต่บริษัทตั้งเป้า Presales 2024 ที่ 2.8 หมื่นลบ. ซึ่งเป็นระดับ New high ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ลแะเน้นการลงทุนในธุรกิจ Recurring income ที่ขับเคลื่อนจากทั้ง 4 ธุรกิจ ได้แก่ 1) Office ให้เช่า 2) โรงแรม 3) คลังสินค้า 4) Apartment ในสหรัฐ คงคาดกำไรปกติปี 2024 ที่ 2.5 พันลบ. ใกล้เคียงกับฐานสูงปี 2023 และราคาเป้าหมาย 4.40 บาท และ Div.Yield 5.2% ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 48.97 จุด หรือ +0.13% ปิดที่ 38,726.33 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮติดต่อกันวันที่ 2 ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ถ่วงตลาดลง ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิยูนิลีเวอร์และเคอริง

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกเช้านี้ นำโดยตลาดนิกเกอิที่ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ขณะตลาดส่วนใหญ่จะเปิดเพียงครึ่งวันในวันนี้เนื่องในวันตรุษจีน

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 35.86 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.68%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.36 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 76.22 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้ปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงของกลุ่มฮามาส ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจลุกลามเป็นวงกว้าง ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นอยู่ที่ระดับ 76.33 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.14%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 3.8 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 2,047.9ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ รวมทั้งการที่เจ้าหน้าที่เฟด ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 2,047.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.03%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 843.66/ +0.17%

- Advertisement -