บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Banpu Power (BPP.BK/BPP TB)*

ประมาณการ 4Q66F: ขาดทุนจากอนุพันธ์ และปัจจัยฤดูกาล

Event

ประมาณการ 4Q66F

Impact

ประมาณการ 4Q66F – พลิกเป็นขาดทุนอีกครั้ง

วันที่ 21 ก.พ. เราคาดว่า BPP จะรายงานผลการดำเนินงานพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 250 ล้านบาท (จากกำไรสุทธิ 2.1 พันล้านบาทใน 3Q66 และจากขาดทุนสุทธิ 180 ล้านบาทใน 4Q65) เพราะถูกฉุดโดยผลขาดทุนอย่างหนักจากตราสารอนุพันธ์ และ FX ของกิจการในสหรัฐ แต่หากไม่รวมผลขาดทุนจาก FX และตราสารอนุพันธ์ กำไรหลักจะอยู่ที่ 290 ล้านบาท (-91% QoQ, -41% YoY) ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิ และกำไรหลักปี 2566F อยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท (-8% YoY) และ 5.5 พันล้านบาท (+96% YoY) จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นขอโครงการTemple I&II, CHP, หงสา, SLG และ BLCP

Highlights – ปิดซ่อมบำรุงตามแผนเป็นเวลานาน และต้นทุนตามฤดูกาล

ผลประกอบการที่แย่ลง QoQ จะเป็นเพราะ 1) ปิด Temple I (35 วัน) และ Temple II (23 วัน) ตามแผน ii) ปิดซ่อมบำรุงตามแผนนานขึ้นที่หงสา (Unit 2 & 3) iii) ค่าใช้จ่าย SG&A สูงขึ้นตามฤดูกาล และ iv) ต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น แม้จะเป็นช่วงฤดูหนาวซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานของ CHPs และ SLG แข็งแกร่งขึ้น ส่วนผลประกอบการที่แย่ลง YoY จะเป็นเพราะผลการดำเนินงานของโครงการในสหรัฐอ่อนแอลง (ไม่มีพายุฤดูหนาว) และของ SLG ในจีนอ่อนแอลง ประกอบกับค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น ทั้งนี้ โครงการ Nakoso ยังอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงรอบใหญ่นาน 1 ปี ในขณะที่ Banpu NEXT อาจจะมีผลขาดทุนลดลง เพราะธุรกิจการซื้อขายพลังาน และแบตเตอรี่มีผลการดำเนินงานดีขึ้น

แนวโน้มเป็นอย่างไร…?

เรายังคงประมาณการกำไรปี 2566-2568F ทั้งนี้ภายใต้สมมติฐานว่าไม่เกิดคลื่นความร้อน (heatwave) ในปี 2567F เราคาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 22% YoY โดยการดำเนินงานกลับมาเป็นปกติ ในขณะที่รับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีจาก Temple II, กิจการในจีนแข็งแกร่งมากขึ้น และ Nakoso กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง เรามั่นใจว่ากำไรหลักใน 1Q67F จะเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จากปัจจัยฤดูกาล และการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีจาก Temple II นอกจากนี้ ยังคาดว่า Nakoso กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งใน 1Q67 โดยมีผลขาดทุนลดลง ส่วนในช่วงฤดูหนาวคาดจะทำให้ผลการดำเนินงาน CHP และ SLG ดีขึ้น ทั้งนี้ คาดว่า Temple I&II จะกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งหลังจากที่มีการปิดซ่อมบำรุง

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ถือ ด้วยราคาเป้าหมายที่ 15.90 บาท เราคิดว่าราคาหุ้นอาจจะถูกฉุดโดยผลประกอบการที่อ่อนแอใน 4Q66F สำหรับแนวโน้มในระยะยาว เรามองว่าหุ้น BPP น่าจะ outperform ได้ยาก เพราะ ROE มีแนวโน้มจะชะลอตัว ท่ามกลางกระแส ESG ที่เร่งตัวขึ้น

Risks

การปิดโรงงานนอกแผน, ปัญหา cost overrun, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย

 

- Advertisement -