KS Daily View 12.02.2024 >>> ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ S&P500 เสี่ยงปรับฐานทางเทคนิค คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,380-1,400 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ TU, THCOM
สรุปภาวะตลาด
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.14%S&P500 +0.57% NASDAQ +1.25%; Dollar index -0.06% เป็น 104.08 และค่าเงินบาทปิดที่ 35.9; ราคาน้ำมันดิบ Brent Futures +0.69% เป็น 82.19/bbl; ราคาทองคำล่วงหน้า -0.4% เป็น 2,038.7/ounce; US 10Y yield 2.72bps เป็น 4.1812%
ในประเทศ: SET Index -0.230 จุด หรือ -0.02% ปิดที่ 1388.37 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ VGI (+2.99%), SISB (+2.70%), STGT (+2.24%), SAPPE (+2.06%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ ICHI (-2.31%), TKN (-1.83%), MEGA (-1.81%), TLI (-1.73%)เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,380-1,400 จุด รอดูรายงานของที่ปรึกษาการเงิน “โอลิเวอร์” เรื่อง Programe trading และ Short-selling กับทางบอร์ดของตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ และแนวทาง/มาตรการที่ตลาดจะออกในระยะถัดไปเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายบุคคล ขณะที่วันพรุ่งนี้ต้องติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ม.ค. ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของทางเฟด นอกจากนี้นักลงทุนอาจต้องระวังการปรับฐานของดัชนี S&P 500 จากสัญญาณเตือนทางเทคนิค ได้แก่ การปรับตัวขึ้นของดัชนี S&P 500 เริ่มกระจุกตัวในหุ้นเพียงไม่กี่ตัว, จำนวนหุ้นที่ทำ new high มีน้อยลง (ต่ำสุดนับแต่เดือน ก.ค.), จำนวนหุ้นที่ราคายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันลดลงเหลือ 62% จากปลายปีก่อนที่ 87% และดัชนี Greed & Fear index เข้าสู่โซน Extreme Greed ซึ่งมักนำมาสู่การปรับฐานในระยะถัดไป ทั้งนี้ปัจจัยเหล่านี้จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงที่เหลือของเดือน ก.พ.
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) ติดตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ โดยคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่จะประกาศคืนวันอังคารจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อมุมมองดอกเบี้ยของเฟด โดยตลาดคาด CPI ของสหรัฐฯเดือน ม.ค. ที่ 3.0% ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.4% YoY และ Core CPI ที่ 3.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.9% YoY ในการตีความหากตลาดมองว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยช้ากว่าคาดอาจส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าเป็น sentiment บวกกับกลุ่มส่งออก
2.) สำนักข่าว PPTV รายงานว่ารัฐบาลเมียนมาเปิดเผยเมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) ว่าได้เริ่มต้นการบังคับใช้กฎหมายที่เปิดทางให้กองทัพออกหมายเรียกพลเมืองชายอายุ 18-35 ปี และผู้หญิงอายุ 18-27 ปี เข้ารับราชการทหารเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี ทั้งนี้การระดมทหารกองหนุนเกิดจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากองทัพอาระกัน หรือ เอเอ (AA) กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีฐานเคลื่อนไหวหลักในรัฐยะไข่ประกาศว่าขณะนี้กลุ่มยึดเมืองสำคัญไว้ได้ 3 เมืองแล้วประกอบไปด้วย เมืองมรัคอู (มะ-รัก-อู) เมืองเจ๊าตอ และเมืองมินบยา ทั้งนี้มองว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเป็น sentiment ลบต่อหุ้นที่มีธุรกิจในพม่า ได้แก่ MEGA, CBG, OSP เป็นต้น
3.) ติดตามทิศทางของกลุ่มเช่าซื้อมอเตอร์ไซด์ (SAWAD, NCAP, S11, TK) ที่อาจไม่สดใสนักในปีนี้ หลังฮอนด้ามองว่าปีนี้ยอดขายรถจักรยานยนต์ไทยจะมียอดจดทะเบียนแค่ 1.7-1.75 ล้านคัน หรือลดลง 7-10% จากปีก่อนที่ทำได้ 1.88 ล้านคัน ส่วนเป้าปีนี้ฮอนด้าน่าจะทำได้ 1.3-1.35 ล้านคัน ลดลง 8-12% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังไม่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงกฎหมายสินเชื่อเช่าซื้อ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ดอกเบี้ยนโยบายที่สูง รวมทั้งการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบของภาครัฐที่ยังไม่เริ่มเห็นผล
4.) ติดตามการรายงานผลประกอบการของหุ้นใน SET50 ในสัปดาห์หน้าได้แก่ AOT, GLOBAL, PTTGC, KCE, OR, BTS, TOP, DELTA, GULF, PTT, BH เป็นต้น
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,360-1,404 จุด โดยปัจจัยหลักที่ต้องติดตามได้แก่ รายงานของที่ปรึกษาการเงิน “โอลิเวอร์” เรื่อง Programe trading และ Short-selling กับทางบอร์ดของตลาดหลักทรัพย์ ในวันที่ 12 ก.พ. และนายกรัฐมนตรีจะนัดประชุมบอร์ดเงินดิจิทัลชุดใหญ่ 15 ก.พ. ส่วนปัจจัยต่างประเทศจะเป็นการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือน ม.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2566 ของยูโรโซน ญี่ปุ่นและอังกฤษ ตลอดจนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ของยูโรโซน ญี่ปุ่น และอังกฤษ
TU (ราคาพื้นฐาน 16.70 บาท) หุ้นมีโอกาสถูก Rerate ไปเทรดสูงขึ้นจากปัจจุบันเทรดบน P/E ปี 2024 ที่ระดับต่ำเพียง 9.7x อิง EPS ที่ 1.56 บาทต่อหุ้น หลังเตรียมขายธุรกิจ Red Lobster ออก นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาทจะเป็นบวกอัตราการทำกำไรของ TU ด้วย
THCOM (ราคาพื้นฐาน 17.20 บาท) เก็งการประกาศ pre sale ที่คาดดีต่อเนื่อง หลังมีการทดแทน TC4 ด้วยตัวแบนด์วิดท์ที่มีขนาดใหญ่กว่าถึง 3 เท่า
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันจันทร์ ตลาดจีนปิดตลาดทั้งสัปดาห์โดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์เนื่องจากเป็นช่วงวันปีใหม่ตุรษจีนและญี่ปุ่นปิดทำการวันจันทร์เนื่องจากเป็นวันชาติญี่ปุ่น ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจแนะนำติดตาม ตัวเลขเงินปล่อยสินเชื่อใหม่ของจีน (New yuan loans) ของเดือน ม.ค. โดยข้อมูลรายงานที่ 1,170 พันล้านหยวนในเดือนก่อนหน้า และติดตามการประชุมEurogroup Meetings จัดที่กรุงบรัสเซลส์
- วันอังคาร ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยุโรป (Zew Economic Sentiment Index) สำหรับเดือน ก.พ. ตลาดคาดที่ 25 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 22.7 จุด และการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ม.ค. ซึ่งตลาดคาด CPI เดือน ม.ค. ที่ 3.0% ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.4%YoY และ Core CPI ที่ 3.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.9% YoY
- วันพุธ ติดตามตัวเลขดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial production) ของยุโรปสำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 5.3%YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -6.8% YoY
- วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขยอดค้าปลีก (Retail sales) ของสหรัฐฯสำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ +5.8% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +5.6% YoY และตัวเลขดัชนีภาคการผลิตEmpire State manufacturing index สำหรับเดือน ก.พ. ตลาดคาดที่ -19.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -43.7 จุด และดัชนีภาคการผลิต Philly Fed manufacturing index สำหรับเดือน ก.พ. ตลาดคาดที่ -11.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -10.6 จุด
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขขออนุญาตสร้างบ้านใหม่ (Building permits) ของสหรัฐฯสำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ +0.1% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.1% MoM ต่อด้วยตัวเลขที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ (Housing starts)สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 1.47 ล้านยูนิตเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.46 ล้านยูนิต ปิดท้ายด้วยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Prelim UoM Consumer Sentiment)สำหรับเดือน ก.พ. ตลาดคาดที่ 79.5 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 79.0 จุด